Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางการผ่อนคลายมาตรการป้องกัน COVID-19


เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2022 ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้ยกเลิกมาตรการ Zero-covid ที่เริ่มต้นเมื่อสามปีที่แล้ว ซึ่งระหว่างช่วงที่มีมาตรการ Zero-Covid เศรษฐกิจของจีนพบเจอกับหลายปัญหานับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่จีนยกเลิกมาตรการ Zero-Covid เศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคม และคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง 

ภาคบริการที่เคยขาดทุนอย่างหนักจากโรคระบาด กลายเป็นหนึ่งในภาคแรกๆ ที่สามารถฟื้นตัวมาได้ นอกเหนือจากตลาดผู้บริโภคที่กำลังฟื้นตัวแล้ว บริษัทต่างๆ ยังได้เร่งให้พนักงานกลับมาทำงานและเพิ่มกำลังการผลิต มีการเริ่มต้นการก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ ทั่วประเทศ ในขณะที่โรงงานส่วนใหญ่กำลังเดินเครื่องเต็มกำลังตามดีมานด์ที่หลั่งไหลเข้ามา 

ปลายเดือนธันวาคม 2022 โครงการสำคัญประมาณ 99.5% ในมณฑลฉงชิ่ง ได้เริ่มการก่อสร้างอีกครั้ง และโรงงานต่างๆ ในหูหนานฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง

นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์กล่าวว่า จะเกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเร็วขึ้นในปีนี้เนื่องจากมีอุตสาหกรรมที่เกิดใหม่มากมาย เช่น การบริโภค บริการ และยานยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง 

จากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและยั่งยืน จีนอาจกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมีรายใหญ่ต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งก็ถูกขัดขวางด้วยประเทศที่มีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วแต่ยังลำบากอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ 

นับตั้งแต่มีการประกาศยกเลิกมาตรการโควิด-19 องค์กรระหว่างประเทศรายใหญ่ รวมถึงธนาคารเพื่อการลงทุน และบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งได้ปรับเปอร์เซ็นต์คาดการณ์การเติบโตของ GDP ของจีนในปีนี้เป็นประมาณ 5% อ้างอิงจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงแข็งแกร่งและฟื้นตัวได้อยู่ 

สิ่งที่คาดการณ์ไว้หลังจากการฟื้นตัวจากโรคระบาด 

เศรษฐกิจฟื้นฟูแบบ V-Shaped Recovery 

นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าประเทศจีนจะได้ดีขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกของปี 2023 หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 

Xing Zhaopeng ตำแหน่งนักวางกลยุทธ์ระดับอาวุโส แห่ง ANZ Research บอกกับ Global Times ว่า เราจะเห็นการฟื้นตัวแบบ V-Shaped Recovery ไปยังระดับเดียวกับตอนก่อนเกิดโรคโควิด-19 ซึ่งจะเกิดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ 

Wu Jinduo หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้แห่งสถาบันวิจัย Great Wall Securities กล่าวกับ Global Times ว่า จากนโยบายการรับมือ COVID-19 ของจีนที่เกิดขึ้น จำนวนตัวเลขผู้ติดโควิดของจีนอาจจะถึงจุดสูงสุด และเศรษฐกิจอาจจะถึงจุด Bottom out ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 

Wu เสริมว่าปัจจัยเหล่านี้บ่งชี้ว่า จีนมีศักยภาพอย่างมากในการก้าวผ่านช่วง “post-pandemic stress test” ได้ ในขณะที่ประเทศเข้าสู่การฟื้นตัวหลังจากโรคระบาดโควิด-19 

ในขณะเดียวกัน Cong Yi ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Tianjin University of Finance and Economics กล่าวว่า สิ่งบ่งชี้ทางเศรษฐกิจอาจแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการฟื้นตัวในเดือนก.พ. และ มี.ค. 

นอกจากนี้ จากการประชุม Central Economic Work Conference ที่เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนธ.ค. จีนต้องการที่จะขยายดีมานด์ในประเทศและจัดลำดับความสำคัญในการฟื้นฟูและเพิ่มเปอร์เซ็นต์การบริโภคภายในปีนี้  

นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าจีนจะเติบโตประมาณ 7% ต่อปีในปี 2023 ในขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลง และรายได้เฉลี่ยมีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้ ซึ่งสองปัจจัยนี้มีส่วนช่วยให้การบริโภคฟื้นตัวได้ 

มีการคาดการณ์ว่า ภาคส่วนเกิดใหม่รวมถึงรถยนต์พลังงานใหม่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีนระบุว่า ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่แล้ว โดยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด 6.89 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 93% เมื่อเทียบรายปี  Paul Gong นักวิเคราะห์ของ UBS ระบุว่ายอดขายในปีนี้อาจสูงถึง 8.8 ล้าน 

ท้ายที่สุดแล้ว การฟื้นตัวของจีนมีความสำคัญต่อบริษัทระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก 

การเติบโตของเศรษฐกิจโลก 

เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในขณะนี้เผชิญกับแรงกดดันด้านขาลง ซึ่งรวมถึงการขาดแคลนพลังงาน การเติบโตที่ชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อที่สูง การที่จีนเปิดประเทศและมีเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกได้เป็นอย่างมาก 

ตามรายงาน Global Economic Prospects ล่าสุดของ World Bank ได้คาดการณ์การเติบโตของสหรัฐว่าจะลดลงเหลือ 0.5% ในปี 2023 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ครั้งก่อน 1.9 จุด เป็นการเติบโตสุย่างอ่อนแอที่สุดในสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี 1970 

ดังนั้น ช่องว่างระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในแง่ GDP จะกว้างขึ้นในปี 2023 Wu Jinduo หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้แห่งสถาบันวิจัยของ Great Wall Securities กล่าวว่า จีนจะเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจอันดับต้น ๆ สำหรับเศรษฐกิจโลกในปี 2023 

จากข้อมูลของกรมศุลกากร (GAC) ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศประจำปีของจีนมีมูลค่าถึง 42.07 ล้านล้านหยวน (6.27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 7.7% ต่อปี ซึ่งอยู่อันดับต้นๆ ของโลกติดต่อกันเป็นเวลา 6 ปี ตัวเลขดังกล่าวเกิน 40 ล้านล้านหยวนเป็นครั้งแรก

Chen Jia นักวิจัยอิสระด้านกลยุทธ์ระดับโลกได้กล่าวกับ Global Times ว่าในอนาคตปี 2023 ขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่คืบคลานเข้ามา จีนมีแนวโน้มที่จะสามารถรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคที่สำคัญที่สุดของโลกได้ เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของจีนที่มีเสถียรภาพและมีการเปิดประเทศแล้ว 

Chen ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเศรษฐกิจตะวันตกซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายหลายครั้งส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยและตลาดทุนทั่วโลกสั่นสะเทือน แต่นโยบายมหภาคของจีนยังคงรักษาสมดุลได้อย่างดี 

การค้าระหว่างประเทศและห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) 

เขตเศรษฐกิจที่สำคัญในจีน เช่น ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ กำลังพัฒนาเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยการต่อรองกับบริษัทต่างชาติเพื่อกระตุ้นการบริโภคและช่วยให้เกิดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด 

“[ปักกิ่ง] จะส่งเสริมการทำธุรกิจระหว่างประเทศ และพยายามที่จะดึงดูดและใช้ประโยชน์จากการลงทุนจากต่างประเทศ การส่งเสริมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้องค์กรต่างชาติที่จะต้องการพัฒนาธุรกิจในปักกิ่ง” Yin Li เลขาธิการคณะกรรมการพรรคเทศบาลปักกิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่และได้กล่าวไว้ในการประชุมกับ Brian Roberts ประธานและ CEO ของ Comcast Corporation 

Yin กล่าวว่าปักกิ่งยินดีที่จะร่วมมือกับ Comcast Corporation เพื่อพัฒนาการดำเนินงานของ Beijing Universal Resort และเร่งพัฒนาการท่องเที่ยวใหญ่ภายในประเทศของจีน ตามรายงานของ Beijing Daily 

Yin เสริมว่า Comcast เป็น “ผู้เกี่ยวข้องและได้รับประโยชน์จากความร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ” เลขาธิการพรรคเทศบาลได้กล่าวว่าเขาหวังว่า Comcast จะยังคงมีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ 

ในช่วงกลางเดือนธันวาคม Chen Jining เลขาธิการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ของคณะกรรมการพรรค Shanghai Municipal Party ได้จัดการประชุมทางวิดีโอกับ Fabrizio Freda ประธานและซีอีโอของ Estée Lauder Group ตามรายงานของ Shanghai Observer 

เฉินกล่าวว่า เซี่ยงไฮ้ยินดีต้อนรับบริษัทจากทั่วโลกเพื่อแบ่งปันโอกาสในการลงทุน 

เซี่ยงไฮ้จะยังคงสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระหว่างประเทศในแบบที่ “เน้นตลาด” ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามหลักนิติธรรม พร้อมเสริมความมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ดีขึ้นสำหรับการพัฒนาธุรกิจทุกประเภทของจีนและต่างประเทศ 

การประชุมผู้นำระดับภูมิภาคกับบริษัทต่างชาติได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของจีนในการฟื้นฟูการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ หลังจากที่นโยบาย Zero-Covid ของประเทศได้ทำให้การดำเนินการของธุรกิจหยุดชะงักด้วยการล็อกดาวน์ 

ในขณะเดียวกัน มณฑลใหญ่ๆ เช่น ไหหลำ เจ้อเจียง เจียงซู และกวางตุ้ง ได้ส่งคณะผู้แทนทางธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อแสวงหาคำสั่งซื้อทางการค้าและเงินลงทุนเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังไม่เเน่นอน 

หุ้นมีทิศทางอย่างไรระหว่างที่เศรษฐกิจฟื้นตัว 

หุ้นจีนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนในวันที่ 16 มกราคม 2023 โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ทุนต่างชาติไหลเข้าประเทศ ขณะที่หุ้นฮ่องกงขยับขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเดิมพันกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพิ่ม หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนกล่าวว่าจำนวนประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว 

ในวันเดียวกัน ดัชนี blue-chip CSI300 ของจีนปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.6% ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 1% ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงสูงขึ้น 0.04% 

ในทางกลับกัน การซื้อหุ้นที่จดทะเบียนในจีนของต่างชาติสุทธิผ่าน Stock Connect แตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือนอยู่ที่ 1.54 หมื่นล้านหยวน (2.29 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) การซื้อสุทธิในปีนี้จะมีมูลค่าเกิน 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากกองทุนต่างประเทศเข้ามาผลักด้นราคาโดยเฉพาะหุ้นการเงินและหุ้นผู้บริโภคของจีน ตามข้อมูลของ Goldman Sachs 

“โดยรวมแล้ว ข้อมูลล่าสุดยืนยันว่าคลื่นที่เลวร้ายที่สุดของจีนได้ผ่านไปเเล้ว” ธนาคาร OCBC เขียนในบันทึก 

ราคาหุ้นโครงสร้างพื้นฐานของจีนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นประกาศแผนการใช้จ่ายใหม่สำหรับโครงการขนาดใหญ่และตั้งเป้าหมายการเติบโตที่เป็นบวกสำหรับปีนี้ 

สิ่งที่จะเกิดขึ้น 

ณ จุดนี้ จีนดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในเสาหลักสำหรับเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังสลัดเงาของโควิด-19 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนโยบายสนับสนุนที่มีศักยภาพ 

การที่จีนกลับมาทำธุรกิจได้เพิ่มความคาดหวังของการฟื้นฟูเศรษฐกิจในปีนี้ แต่ก็นำไปสู่กรณีโควิดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่าอาจขัดขวางการเติบโตในระยะสั้น 

ดังนั้น จีนจะต้องรับมือกับภัยคุกคามจากคลื่นโควิด-19 รอบใหม่ และอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอลงสำหรับการส่งออกเนื่องจากมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวด 

| เกี่ยวกับ Doo Prime    

เครื่องมือการซื้อขายของเรา     

หลักทรัพย์ | ฟิวเจอร์ส| ฟอเร็กซ์ | โลหะมีค่า | สินค้าโภคภัณฑ์ | ดัชนีหุ้น    

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน     

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก     

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 10 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ     

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก    
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ     

โทรศัพท์     

ยุโรป : +44 11 3733 5199    
เอเชีย : +852 3704 4241    
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415    
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539      

อีเมล    
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]    
ฝ่ายขาย [email protected]    

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)            

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)          

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต           

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้          

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้   

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย     

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง 

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย    

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

S&P 500 ร่วง ท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาคเทคอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ตลาดหุ้นต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่โหดร้าย โดย S&P 500 ประสบพบกับผลการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 การลงครั้งนี้ได้รับแรงหนุนมาจากความวิตกกังวลในตลาด  ผลกระทบทางเศรษฐกิจและธนาคารกลางสหรัฐ  ประการแรก ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินความคาดหมาย บวกกับแถลงการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจากธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น  สิ่งนี้ได้บั่นทอนแรงซื้อของนักลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีการเติบโต ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย  ประการที่สอง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้เพิ่มความไม่แน่นอนอีกชั้นหนึ่งให้กับตลาด  ปัจจัยลบในภาคเทคโนโลยี  การขายออกที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี ที่ได้รับแรงกดดันมาจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น ASML และ TSM  รายงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาลประกาศรายได้ที่กำลังจะมาถึงสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Amazon นักลงทุนต่างคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งแต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการตอบสนองความคาดหวังสำหรับโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา  ภาพรวมผลประกอบการรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ลดลง -3.1% ดัชนี Nasdaq Composite ที่เน้นด้านเทคโนโลยีลดลง -5.5% และดัชนีบลูชิป Dow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ +0.01%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 Index  Last  Change  %Change  DOW […]

2024-4-22 | บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดหุ้นปิดบวกท่ามกลางการมองในแง่ดีด้านเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นได้ปิดทำการในสัปดาห์นี้ด้วยสัญญาณเชิงบวกหลังจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นก็ตาม  S&P 500 เติบโตมากกว่า 1% Wall Street ยังคงมองโลกในแง่ดี โดยแนะนำว่า Federal Reserve อาจไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายแบบเร่งด่วน สิ่งนี้นำไปสู่การปรับราคาในตลาดตราสารหนี้โดยที่อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้น การคาดการณ์การเติบโตของงานและอัตราดอกเบี้ย  ตัวเลขเงินเดือนสหรัฐเพิ่มขึ้น 303,000 ในเดือนมีนาคม โดยอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.8% และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ในช่วงนี้นักลงทุนยังเห็นอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 4.40% ในขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาน้ำมันเบรนท์อยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์   แม้ว่าผลการดำเนินงานของตลาดงานจะแข็งแกร่ง แต่ Mohamed El-Erian หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ Allianz คาดการณ์ว่า Federal Reserve อาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้  สัญญา Swap ซึ่งเป็นมาตรวัดสำหรับคาดการณ์การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเป็นประมาณ 52% โดยความน่าจะเป็นในเดือนกรกฎาคมจะลดลงต่ำกว่า 100%  ภาพรวมผลการดำเนินงานของตลาด  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ร่วงลง -1.0% ดัชนี Nasdaq […]

2024-4-9 | บทความวิเคราะห์ตลาด

แนวโน้มวอลล์สตรีทเป็นบวก ท่ามกลางจุดยืนเฟด และข้อมูลเงินเฟ้อ

การเคลื่อนไหวล่าสุดในวอลล์สตรีทได้ส่งสัญญาณเชิงบวกเล็กน้อยให้กับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานเจอโรม พาวเวลล์ ยังคงยืนหยัด ในการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอดทนรอ  จุดยืนของเฟดท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ  จุดยืนของพาวเวลล์เกิดขึ้นหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงอย่างน่าทึ่งที่ 0.3% ซึ่งเป็นมาตรวัดที่ธนาคารกลางได้ตั้งไว้สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อประกอบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความลังเลของพาวเวลล์ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควรอาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้  ตัวชี้วัดเหล่านี้ทำให้นักวิเคราะห์ยังอยู่ในโซนแห่งความสบายใจอยู่ พวกเขามองว่านี่เป็นหลักฐานที่แสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งเกินความคาดหมาย และการเติบโตของค่าจ้าง  ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของตลาด  แม้จะเกิดความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่เทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ แต่นักลงทุนยังดันตลาดหุ้นให้สูงขึ้นไปต่อ  ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในรายไตรมาส แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและผู้บริโภค  แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นในผลประกอบการของดัชนีหลักๆ ในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.4% และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ไต่ขึ้น 0.8% ขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 0.3%  การเคลื่อนไหวของตลาดและผลการดำเนินงานรายไตรมาส  เมื่อไตรมาสแรกสิ้นสุดลง ตลาดหุ้น Wall Street ได้เฉลิมฉลองผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกเล็กน้อย […]

2024-4-2 | บทความวิเคราะห์ตลาด