Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

การบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและการแก้ไขตลาดของสหรัฐฯ


บทความวิเคราะห์ตลาด

หุ้นสหรัฐฯ ปิดสูงขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นการปิดสัปดาห์ที่ดีที่สุดตั้งแต่
เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนักลงทุนต่างเพิกเฉยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายนนั้นเพิ่มขึ้นถึง 6.8% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2525 แม้ว่าจะ
ต่ำกว่าขั้นวิกฤติที่ 7% ก็ตาม 

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในต้นเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์จาก
แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ดัชนีความเชื่อมั่นเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเพิ่มขึ้นเป็น 70.4 จากระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีในเดือนพฤศจิกายนที่ 67.4 จากข้อมูลเปิดเผย
เมื่อวันศุกร์ โดยตัวเลขดังกล่าวมีค่าเกินค่าประมาณการที่ 68 ในการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์จาก Bloomberg โดย S&P 500 นั้นบวกเพิ่ม 1% และ Nasdaq 100 
ก็เพิ่ม 1.1% 

ส่วนดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 4% ด้านดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นเป็นเป็น 3.8% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.6% ดัชนีดาวโจนส์นั้นมีการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมีนาคม
ในขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็มีเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุด
นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

สรุปภาพรวมตลาดในวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา ดังนี้ 

 มูลค่าปิดตลาด 
(จุด) 
ค่าการเปลี่ยนแปลง 
(จุด) 
คิดเป็น  
Dow Jones 35,970.99  +216.30 +0.60% 
S&P 500        4712.02    +44.57 +0.95% 
Nasdaq Comp   15630.60  +113.23 +0.73% 
US 10Y                1.48%   
VIX           18.69     -2.89 -13.39% 

หากพูดถึงสิ่งที่แตกต่างในแต่ละสัปดาห์ทำให้ ก็พบว่าสัปดาห์ที่แล้วเราเห็นภาพดูตลาด
ที่อาจเข้าสู่การปรับฐาน และตอนนี้อาจมีการตั้งเป้าที่จะทำระดับสูงสุดใหม่ ซึ่งเป็นการดีที่
ยังไม่มีการลดหย่อนให้กับผู้ซื้อที่มุ่งเน้นในการ by on dip ซึ่งนับเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในปี
ก็ว่าได้ 

จากความเชื่อที่ว่าเรายังมีสิทธิ์ที่จะลดการแพร่ระบาดของไวรัส รวมทั้งจุดยืนของเฟดที่ยังยืนยันในความผิดปกติ ทำให้ตลาดอาจจะกลับสู่โหมดเสี่ยงอีกครั้ง ด้านกองทุนเฮดจ์ฟันด์
ซึ่งลดการเปิดรับหุ้นในอัตราที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากลับมาเป็นผู้ซื้ออีกครั้ง กองทุนตราสารทุนจึงเป็นที่ดึงดูดรวมเป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกัน และภาวะตลาดกระทิงพุ่งสูงขึ้นในตลาดออปชั่น 

ส่วนการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ เชื่อว่านักลงทุนจะดูแผนภาพสำหรับปี 2565 และ 2566 ตลอดจนมองหาว่าปัจจัยเสี่ยงของ Omicron ซึ่งจะส่งผลต่อสมการอัตราและ tapering equations ส่วนเหตุการณ์ที่น่าสนใจในปฏิทินเศรษฐกิจปในสัปดาห์หน้ารวมถึงรายงานเกี่ยวกับเงินเฟ้อของราคาผู้ผลิต ยอดขายปลีก และการผลิตภาคอุตสาหกรรม 

จากการเคลื่อนไหวล่าสุดในตลาด ที่อาจจะมีความกดดันสูงขึ้นจนถึงสิ้นปี สิ่งที่เราต้องทำคือระวังการปิดบัญชีสิ้นปีหรือการขายทำกำไรที่อาจทำให้ราคาลดลง 

อ้างอิง: CBOE, Reuters, Bloomberg
บทความโดย James Gomes ผู้คร่ำหวอดในวงการการเงินมากว่า 30 ปี โดยทำงานกับธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปี 

ประกาศความไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 

ประกาศความไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 

แม้ว่า DOO Group จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อรับรองความถูกต้องของเอกสารหรือบทความนี้ แต่จะไม่รับรองหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ และ DOO Group จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการใช้เอกสารหรือบทความนี้ เนื้อหาในเอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปและเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการศึกษาเท่านั้น ซึ่งบทความนี้ไม่ใช่และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเสนอในการซื้อหรือขาย หรือเป็นการชักชวนให้เสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์
ฟิวเจอร์ส ออปชั่น พันธบัตรหรือเครื่องมือทางการเงินหรือการลงทุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เอกสารหรือบทความนี้ไม่ควรใช้เป็นการแนะนำหรือให้การลงทุนหรือคำแนะนำอื่นใดเกี่ยวกับการซื้อ การขาย หรือการจำหน่ายตราสารทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หรือผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนอื่นใด การตัดสินใจลงทุนในเครื่องมือทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หลักทรัพย์หรือการลงทุนไม่ควรทำโดย
อาศัยข้อความใด ๆ ในเอกสารนี้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรขอ
คำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินของตนเองโดยคำนึงถึงความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคน และพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนดังกล่าวอย่างรอบคอบ

DOO Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจหรือการดำเนินการใด ๆ โดยอาศัยข้อมูลในเอกสารหรือบทความนี้ และในกรณีใด ๆ DOO Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดต่อความเสียหายที่เป็นผลสืบเนื่อง ทั้งโดยบังเอิญ โดยอ้อม หรือผลคล้ายกันที่เกิดขึ้นจากความเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือบทความนี้ แม้ว่าจะได้แจ้งถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวแล้วก็ตามเอกสารนี้หรือบทความนี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในเอกสารนี้อิงตามการคาดการณ์ในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อิงจากการวิเคราะห์ของ DOO Group จากสถิติที่มีอยู่ สมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวข้องกับการตัดสินที่เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในอนาคต การแข่งขันและตลาดในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์อย่างแม่นยำ เนื่องด้วยความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญซึ่งมีอยู่ในข้อมูล

การอ้างอิงล่วงหน้าที่รวมอยู่ในที่นี้ การรวมข้อมูลดังกล่าวไม่ควรถือเป็นการแสดงโดย DOO Group ว่าจะสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง DOO Group ขอแจ้งว่าให้ทราบว่าไม่ควรไว้วางใจในแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไป และไม่รับผิดชอบต่อการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ การแสดงความเห็นเป็นของผู้เขียนและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

โดยเอกสารนี้ถือเป็นความลับกับผู้อ่านและข้ออมูลนี้มีการจัดหาเพียงเพื่อข้อมูลเท่านั้นและไม่สามารถทำซ้ำ แจกจ่ายซ้ำ หรือส่งต่อ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไปยังบุคคลอื่นหรือเผยแพร่ทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ห้ามนำหรือส่งเอกสารนี้หรือสำเนาใด ๆ ไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา หรือแจกจ่ายโดยตรงหรือโดยอ้อมในสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา การแจกจ่ายเอกสารนี้ในเขตอำนาจศาลอื่นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมาย และบุคคลที่ครอบครองเอกสารนี้ควรแจ้งตนเองและปฏิบัติตามข้อจำกัดดังกล่าว การยอมรับรายงานนี้แสดงว่าคุณตกลงผูกพันตามคำแนะนำข้างต้น

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

S&P 500 ร่วง ท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาคเทคอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ตลาดหุ้นต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่โหดร้าย โดย S&P 500 ประสบพบกับผลการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 การลงครั้งนี้ได้รับแรงหนุนมาจากความวิตกกังวลในตลาด  ผลกระทบทางเศรษฐกิจและธนาคารกลางสหรัฐ  ประการแรก ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินความคาดหมาย บวกกับแถลงการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจากธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น  สิ่งนี้ได้บั่นทอนแรงซื้อของนักลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีการเติบโต ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย  ประการที่สอง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้เพิ่มความไม่แน่นอนอีกชั้นหนึ่งให้กับตลาด  ปัจจัยลบในภาคเทคโนโลยี  การขายออกที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี ที่ได้รับแรงกดดันมาจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น ASML และ TSM  รายงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาลประกาศรายได้ที่กำลังจะมาถึงสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Amazon นักลงทุนต่างคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งแต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการตอบสนองความคาดหวังสำหรับโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา  ภาพรวมผลประกอบการรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ลดลง -3.1% ดัชนี Nasdaq Composite ที่เน้นด้านเทคโนโลยีลดลง -5.5% และดัชนีบลูชิป Dow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ +0.01%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 Index  Last  Change  %Change  DOW […]

2024-4-22 | บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดหุ้นปิดบวกท่ามกลางการมองในแง่ดีด้านเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นได้ปิดทำการในสัปดาห์นี้ด้วยสัญญาณเชิงบวกหลังจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นก็ตาม  S&P 500 เติบโตมากกว่า 1% Wall Street ยังคงมองโลกในแง่ดี โดยแนะนำว่า Federal Reserve อาจไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายแบบเร่งด่วน สิ่งนี้นำไปสู่การปรับราคาในตลาดตราสารหนี้โดยที่อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้น การคาดการณ์การเติบโตของงานและอัตราดอกเบี้ย  ตัวเลขเงินเดือนสหรัฐเพิ่มขึ้น 303,000 ในเดือนมีนาคม โดยอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.8% และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ในช่วงนี้นักลงทุนยังเห็นอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 4.40% ในขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาน้ำมันเบรนท์อยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์   แม้ว่าผลการดำเนินงานของตลาดงานจะแข็งแกร่ง แต่ Mohamed El-Erian หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ Allianz คาดการณ์ว่า Federal Reserve อาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้  สัญญา Swap ซึ่งเป็นมาตรวัดสำหรับคาดการณ์การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเป็นประมาณ 52% โดยความน่าจะเป็นในเดือนกรกฎาคมจะลดลงต่ำกว่า 100%  ภาพรวมผลการดำเนินงานของตลาด  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ร่วงลง -1.0% ดัชนี Nasdaq […]

2024-4-9 | บทความวิเคราะห์ตลาด

แนวโน้มวอลล์สตรีทเป็นบวก ท่ามกลางจุดยืนเฟด และข้อมูลเงินเฟ้อ

การเคลื่อนไหวล่าสุดในวอลล์สตรีทได้ส่งสัญญาณเชิงบวกเล็กน้อยให้กับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานเจอโรม พาวเวลล์ ยังคงยืนหยัด ในการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอดทนรอ  จุดยืนของเฟดท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ  จุดยืนของพาวเวลล์เกิดขึ้นหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงอย่างน่าทึ่งที่ 0.3% ซึ่งเป็นมาตรวัดที่ธนาคารกลางได้ตั้งไว้สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อประกอบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความลังเลของพาวเวลล์ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควรอาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้  ตัวชี้วัดเหล่านี้ทำให้นักวิเคราะห์ยังอยู่ในโซนแห่งความสบายใจอยู่ พวกเขามองว่านี่เป็นหลักฐานที่แสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งเกินความคาดหมาย และการเติบโตของค่าจ้าง  ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของตลาด  แม้จะเกิดความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่เทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ แต่นักลงทุนยังดันตลาดหุ้นให้สูงขึ้นไปต่อ  ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์และเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในรายไตรมาส แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและผู้บริโภค  แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นในผลประกอบการของดัชนีหลักๆ ในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.4% และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ไต่ขึ้น 0.8% ขณะเดียวกัน ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 0.3%  การเคลื่อนไหวของตลาดและผลการดำเนินงานรายไตรมาส  เมื่อไตรมาสแรกสิ้นสุดลง ตลาดหุ้น Wall Street ได้เฉลิมฉลองผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกเล็กน้อย […]

2024-4-2 | บทความวิเคราะห์ตลาด