ดอลลาร์ปรับตัวลงในวันนี้ นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อ และความเคลื่อนไหวจากเฟด

ดอลลาร์อ่อนค่าลงในเช้าวันศุกร์ในเอเชีย ความกลัวว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูง
และธนาคารกลางสหรัฐจะกระชับนโยบายการเงิน ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนแย่ลง ผลักดันให้เงินเยนญี่ปุ่นปลอดภัยขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย

• สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีดอลล่าห์สหรัฐฯ ที่เทียบค่าเงินดอลลาร์กับสกุลเงินอื่นลดลง 0.06% เป็น 95.665 เมื่อเวลา 22:41 น. ET (3:41 AM GMT)
• ค่าเงินเยน ลดลง 0.37% มาที่ 113.66 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์
• ดอลลาร์ออสเตรเลีย ลดลง 0.50% เป็น 0.7189 และ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ลดลง 0.36% เป็น 0.6730
• ค่าเงินหยวน ขยับขึ้น 0.03% เป็น 6.3430
• ค่าเงินปอนด์ ลดลง 0.01% มาที่ 1.3593 ใกล้ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.

ค่าเงินสหรัฐฯ พักฟื้นจากการเพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบสองเดือน

หุ้นสหรัฐประสบปัญหาการเทขายอย่างรุนแรงในชั่วข้ามคืนในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย ขณะที่หุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในวันศุกร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดจากระดับสูงสุดในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนของสหรัฐฯ สูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังของตลาดว่าเฟดจะกระชับนโยบายการเงินได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

ฟิวเจอร์สกองทุนเฟดได้กำหนดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2022 และจะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้งภายในปีนี้ โดยเฟดจะจัดประชุมนโยบายส 2 วันเพื่อตัดสินนโยบายเริ่ม
ตั้งแต่วันอังคารนี้ นักลงทุนจะคอยมองหาเบาะแสเกี่ยวกับไทม์ไลน์ของเฟดสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการลดสินทรัพย์

ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี และเพิ่มขึ้น 0.65%
ในสัปดาห์นี้ โดยดีดตัวขึ้นจากสไลด์ 0.61% ของสัปดาห์ก่อนหน้า แม้จะมีความผันผวน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ค่าเงินดอลลาร์อาจเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากเฟดเข้มงวดนโยบายการเงินตามที่
นักลงทุนบางคนกล่าว

ค่าเงิน “น่าจะแข็งค่าต่อไปในการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า” Westpac กล่าวในบันทึกของลูกค้า พร้อมเสริมว่า “จะไม่แปลกใจเลย” หากดัชนีค่าเงินดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในปี 2022 ที่ 96.938 “เป็นที่ยอมรับว่าขณะนี้มีราคาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว” บันทึกกล่าวเสริม “แต่การเปรียบเทียบอย่างตรงไปตรงมาของดัชนีค่าเงินดอลลาร์กับส่วนต่างผลตอบแทนแสดงให้เห็นว่าเงินดอลลาร์ยังไม่นิ่ง”

อ้างอิง: th.investing.com/

หุ้นเอเชียปรับตัวลง นักลงทุนประเมินตัวเลขเงินเฟ้อจากญี่ปุ่น

หุ้นเอเชียแปซิฟิกร่วงลงในเช้าวันศุกร์ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกันเนื่องจาก Nasdaq 100 ที่ประกอบไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่เข้าสู่การปรับฐาน

• นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นลดลง 1.40% เมื่อเวลา 21:04 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (2:04 น. GMT) โดยข้อมูลที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักแห่งชาติ ขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ CPI แห่งชาติ ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนธันวาคม ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้เผยแพร่ ผลการประชุมด้านนโยบาย ด้วย
• KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 0.75%
• ASX 200 ในออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 1.53%
• ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงอยู่ที่ 0.33%
• ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนลดลง 0.27% ในขณะที่ ดัชนีองค์ประกอบ SZSE ลดลง 0.79%

หุ้นสหรัฐร่วงลง โดย Nasdaq 100 ลบกว่า 2% จากช่วงบวกที่ทำได้ในเซสชั่นก่อนหน้าเมื่อวันพฤหัสบดีก่อนปิดตัวในแดนลบ นอกจากนี้ S&P 500 ยังลดลงมากกว่า 5% จากระดับสูงสุดในเดือนมกราคม ผลประกอบการของบริษัทล่าสุดยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง โดยหุ้นของ Netflix Inc. (NASDAQ:NFLX) ร่วงลงในหลังจำนวนผู้ใช้บริการออกมาน่าผิดหวัง หุ้นของ Peloton Interactive Inc . (NASDAQ:PTON) ก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน เนื่องจากรายงานหยุดการผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกายชั่วคราว

การเพิ่มความกังวลให้กับนักลงทุนคือความคาดหวังของทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและการลดงบดุล 8.8 ล้านล้านดอลลาร์ ริชาร์ด เบิร์นสตีน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Richard Bernstein Advisors LLC บอกกับ Bloomberg ว่า “หลายคนกำลังพูดถึงเรื่องเงินเฟ้อและเรื่องต่าง ๆ แต่พอร์ตการลงทุนของพวกเขาไม่ได้สะท้อนถึงสิ่งนั้นจริงๆ “นั่นคือความไม่แน่นอน ความไม่แน่นอนที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้”

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-รัสเซียเหนือยูเครนยังคงคุกรุ่นอยู่ โดยมีรายงานว่าวอชิงตันอนุญาตให้บางรัฐส่งอาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ไปยังยูเครน การปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีของจีนกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง โดยประเทศให้คำมั่นที่จะจำกัดอิทธิพลของบริษัทที่มีต่อรัฐบาล แต่หุ้นจีนที่ซื้อขายในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้โดยธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนจะทำให้หุ้นจีนปรับตัวดีขึ้น

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีพบว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ตลอดทั้งสัปดาห์มีจำนวนกว่า 286,000 ราย ซึ่งสูงที่สุดในรอบสามเดือน ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย อยู่ที่ 23.2 ในเดือนมกราคม ยอดขายบ้านมือสอง อยู่ที่ 6.18 ล้าน แต่หดตัว 4.6% เดือนต่อเดือน ในเดือนธันวาคม

อ้างอิง: th.investing.com

โพลบลูมเบิร์กคาดแบงก์ชาติจีนจะหั่นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงครึ่งแรกปีนี้

ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน
จะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปอีกในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 โดยมีเป้าหมายที่จะ
รับมือกับผลกระทบต่าง ๆ และสร้างความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างมีศักยภาพ

นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วน RRR สำหรับธนาคารรายใหญ่ปรับตัว
ลงมาอยู่ที่ 11% ขณะเดียวกันคาดว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท
1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) และปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรประเภท 7 วัน ลงอีก 0.10% ในไตรมาส 2 ของปีนี้

ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอลงมาอยู่ที่ระดับ 4% ในไตรมาส 4/2564
ขณะที่รัฐบาลและธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการเพิ่มขึ้นในปี 2565 เพื่อสนับสนุนการขยายตัวและสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจ โดยล่าสุดในสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% สู่ระดับ 2.85% เมื่อวันที่ 17 ม.ค.
ที่ผ่านมา และจากนั้นวันที่ 20 ม.ค. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ทั้งประเภท 1 ปีและ 5 ปี

ไอริส ปัง นักวิเคราะห์จากธนาคารไอเอ็นจีในฮ่องกงกล่าวว่า “ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินแบบเชิงรุก ซึ่งหมายความว่า ธนาคารกลางจะไม่รอให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนชะลอตัวลงอีก”

อ้างอิง: ryt9.com

ทองคำปรับตัวลงวันนี้ แต่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สอง

ราคาทองคำร่วงลงในเช้าวันศุกร์ในเอเชีย อย่างไรก็ตาม ทองคำกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง เนื่องจากนักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการตัดสินใจด้านนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ

• สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ ลดลง 0.07% สู่ $1,841.30 เมื่อเวลา 23:19 น. ET (4:19 น. GMT) ในขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงในวันพฤหัสบดี
• ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นประมาณ 1.2% จนถึงขณะนี้ในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองในเดือนมกราคม แม้ว่าจะมีการเริ่มต้นที่ดีในปี 2022 แต่ก็อาจเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับทองคำ

ขณะนี้นักลงทุนรอ การตัดสินด้านนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะส่งมอบในวันที่ 25 มกราคม ด้านหน้าข้อมูล ข้อมูลของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่ามีการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานจำนวน 286,000 รายตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งสูงที่สุดในรอบสามเดือน นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย อยู่ที่ 23.2 ในเดือนมกราคม ยอดขายบ้านมือสอง อยู่ที่ 6.18 ล้าน แต่หดตัว 4.6% เดือนต่อเดือน ในเดือนธันวาคม

ในเอเชียแปซิฟิก ข้อมูลของญี่ปุ่นที่เผยแพร่เมื่อต้นวันแสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหลักแห่งชาติ เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และ CPI แห่งชาติ เติบโต 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนธันวาคม ธนาคารกลางญี่ปุ่น ยังได้เผยแพร่รายงานการประชุมนโยบายครั้งล่าสุดอีกด้วย

สำหรับโลหะมีค่าอื่นๆ เงินลดลง 0.4% แต่สัปดาห์นี้ทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบปี และเพิ่มขึ้นประมาณ 6% จนถึงตอนนี้ พัลลาเดียมร่วงลง 0.6% แต่ก็ทรงตัวสำหรับภาพรวมเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ประมาณ 9% แพลตตินั่มร่วงลง 0.4% แต่ยังคงอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 7 เดือน และเพิ่มขึ้นประมาณ 6.6% จนถึงตอนนี้

อ้างอิง: th.investing.com/

ราคาน้ำมันดิบปรับลดเล็กน้อย หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับเพิ่ม

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวลดลง หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับเพิ่ม ท่ามกลางความกังวลอุปทานตึงตัว

ปัจจัยลบ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลด 700,000 บาร์เรล โดยข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล

ปัจจัยบวก ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากความกังวลอุปทานที่ตึงตัว จากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ และรัสเซีย โดยสหรัฐขู่ว่า รัสเซียจะเผชิญกับการคว่ำบาตรหากรัสเซียบุกโจมตียูเครน รวมถึงเหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันจากอิรักไปยังตุรกี นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบจากการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ปัจจัยบวก/ลบ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่ากลุ่ม OPEC+ จะผลิตน้ำมันดิบต่ำกว่าเป้าหมายในเดือนธันวาคมประมาณ 800,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) จากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศสมาชิก

• ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานที่ตึงตัวในภูมิภาคเอเชียและการส่งออกที่ลดลงจากจีน

อ้างอิง: prachachat.net