Search Mark
หน้าแรก / ข่าวสารการลงทุน

สรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันพุธ ที่ 6 ต.ค. 64


สรุปข่าวการเงินและการลงทุน

ดาวโจนส์บวก 311.75 จุด แรงซื้อหุ้นเทคฯ

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น 311.75 จุด มาอยู่ที่ 34,314.67 จุด จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากที่ปรับลงแรงในช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับการปรับขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป ขณะที่ตลาดเอเชียปรับขึ้นตามทิศทางดาวโจนส์

ตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 6 ต.ค.64 มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ดังนี้

  • ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ปรับขึ้น 311.75 จุด หรือปรับขึ้น 0.92% มาอยู่ที่ 34,314.67 จุด
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ปรับขึ้น 45.26 จุด หรือปรับขึ้น 1.05% มาอยู่ที่ 4,345.72 จุด
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีแนสแดค (NASDAQ) ปรับขึ้น 178.35 จุด หรือปรับขึ้น 1.25% มาอยู่ที่ 14,433.83 จุด
  • ตลาดหุ้นอังกฤษ ดัชนีฟุตซี่ 100 (FTSE 100) ปรับขึ้น 66.09 จุด หรือปรับขึ้น
    0.94% มาอยู่ที่ 7,077.10 จุด
  • ตลาดหุ้นเยอรมัน ดัชนีแด๊ก (DAX) ปรับขึ้น 157.94 จุด หรือปรับขึ้น 1.05%
    มาอยู่ที่ 15,194.49 จุด
  • ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ดัชนีซีเอซี 40 (CAC40) ปรับขึ้น 98.62 จุด หรือปรับขึ้น 1.52%
    มาอยู่ที่ 6,576.28 จุด
  • ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ดัชนีเจซีไอ (JCI) ปรับขึ้น 69.16 จุด หรือปรับขึ้น 1.10%
    มาอยู่ที่ 6,357.21 จุด
  • ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ดัชนีพีเอสอี คอมโพสิต (PCOMP) ปรับขึ้น 80.69 จุด
    หรือปรับขึ้น 1.16% มาอยู่ที่ 7,061.93 จุด
  • ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดัชนีนิเคอิ (NIKKEI) ปรับลง 267.62 จุด หรือปรับลง 0.96%
    มาอยู่ที่ 27,554.50 จุด
  • ตลาดหุ้นจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้ (CSI300) ปิดทำการ
  • ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง (HANG SENG) ปรับลง 220.78 จุด หรือปรับลง
    0.92% มาอยู่ที่ 23,883.37 จุด

อ้างอิง: businesstoday.co

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตอบรับการคงมติปรับเพิ่มกำลังผลิตกลุ่มโอเปกพลัส

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มต่อ ตอบรับการคงมติการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส

ปัจจัยบวก ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาเวสต์เท็กซัสปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 57 ขณะที่ราคาเบรนท์ขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังตลาดน้ำมันมีแนวโน้มอยู่ในภาวะตึงตัวมากขึ้นจากผลการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) ที่จะยังคงปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพียง 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ในเดือน พ.ย. 64 ตามแผนเดิมที่ได้วางไว้ก่อนหน้า แม้ว่าผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ เช่น สหรัฐ และอินเดีย จะออกมาเรียกร้องให้กลุ่มโอเปกพลัส ปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่าแผน
ที่วางไว้ โดยก่อนหน้านี้กลุ่มโอเปกพลัส คาดว่าภาพรวมปี 64 การผลิตน้ำมันดิบจะขาดดุลจากความต้องการใช้ราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ปัจจัยลบ หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.95 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 419.45 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 0.4 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียได้รับแรงหนุนจากวันหยุดยาวประจำปีของจีน (Golden Week) ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศอื่น ๆ ยังคงฟื้นตัวตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคที่อยู่ในระดับต่ำ จากปริมาณการส่งออกของผู้ผลิตในจีนและเอเชียเหนือที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ความต้องการใช้ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

อ้างอิง: prachachat.net

ทองคำโดนดอลลาร์กดราคา หลังดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง พันธบัตรทะยาน

ราคาทองคำ ร่วงลงในเช้าวันพุธในเอเชีย เนื่องจากค่าเงิน ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น และผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ จุดสนใจจะอยู่ที่รายงานตำแหน่งงานล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งจะถึงกำหนดในสัปดาห์หน้า

สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า เพิ่มขึ้น 0.32% เป็น 1,755.30 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 00:38 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (4:38 น. GMT) ดอลลาร์ซึ่งมักจะเคลื่อนไหวผกผันกับทองคำ ขยับขึ้นในวันพุธ และยังคงใกล้ระดับสูงสุดในปี 2564 ในขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น

รายงานการจ้างงาน ซึ่งรวมถึง การจ้างงานนอกภาคการเกษตร จะครบกำหนดประกาศ
ในวันศุกร์ และจะมีความสำคัญในการกำหนดไทม์ไลน์ของธนาคารกลางสหรัฐในการเริ่มลดสินทรัพย์ลง ปัญหาคอขวดของอุปทานยังคงผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และจะบรรเทาลง นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดประจำชิคาโก กล่าวเมื่อวันอังคาร เขาเสริมว่าเฟดใกล้จะเริ่มการปรับลดสินทรัพย์

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 54.9 ในเดือนกันยายน ขณะที่ ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) อยู่ที่ 61.9 ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารในขณะเดียวกัน ยอดทองคำในคลังของโรงกษาปณ์เมืองเพิร์ทในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นประมาณ 83% สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 และยอดขายแร่เงินเพิ่มขึ้นเกือบ 23%

ด้านโลหะมีค่าอื่น เงินลดลง 0.4% แพลเลเดียมลดลง 0.3% ในขณะที่แพลทินัมลดลง 0.2% มาที่ 960.11 ดอลลาร์

อ้างอิง: th.investing.com

หุ้นดีดตัวขึ้น หลังจากหุ้นเทคโนโลยีฉุดตลาดตกต่ำในวันจันทร์

หุ้นเติบโตรีบาวน์ในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ Apple Inc (NASDAQ:AAPL), Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) และ Netflix Inc (NASDAQ:NFLX) ) แม้แต่ Facebook Inc (NASDAQ:FB) ก็ปรับตัวขึ้น แม้ว่าจะมี
ผลกระทบจากการหยุดให้บริการทั่วโลกในวันจันทร์นี้ บวกกับประเด็นอดีตพนักงาน
ออกมาให้การเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหยียดชาติพันธุ์

ในวอชิงตัน ฝ่ายนิติบัญญัติยังคงถกเถียงกันเกี่ยวกับรายละเอียดของการใช้จ่ายประกันสังคมจำนวนมาก และแพ็คเกจช่วยเหลือเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศ ขณะที่ผู้นำพรรค
เดโมแครตกำลังกดดันให้เพิ่มเพดานหนี้ แต่จุดสนใจในสัปดาห์นี้ยังคงเป็นการเปิดตัวรายงานการจ้างงานประจำเดือนกันยายนที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ หลายคนเชื่อว่าผลที่
ออกมาจะช่วยปูทางให้ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มผ่อนปรนการซื้อพันธบัตรรายเดือน
ดังตัวอย่างที่เห็นกันก่อนคือรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของ ADP

ต่อไปนี้คือ 3 ปัจจัยที่นักลงทุนควรจับตา

  1. การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ADP ซึ่งเป็นบริษัทประมวลผลเงินเดือนจะเปิดเผยข้อมูลในเวลา 8:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1215 GMT) สำหรับการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตรแบบเดือนต่อเดือน การคาดการณ์ที่รวบรวมข้อมูลโดย Investing.com บริษัทเอกชนในสหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มงานราว 428,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน มากกว่า 374,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ตัวเลขเดือนสิงหาคมคาดการณ์ออกมาต่ำลงเล็กน้อย
  1. เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ค่าเงินบาทใกล้แตะแนวต้านที่ 34 บาทในสัปดาห์นี้ โดยล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ 33.830 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่อยู่ใกล้ระดับสูงสุด
    ในรอบ 4 เดือนที่ 1.527%
  1. รายได้จากเครื่องแต่งกาย กางเกงยีนส์และเสื้อผ้าลำลองยักษ์ใหญ่อย่าง Levi Strauss & Co Class A (NYSE:LEVI) คาดว่าจะรายงานกำไรต่อหุ้นในไตรมาส
    ที่สองที่ 37 เซนต์ จากรายรับ 1.48 พันล้าน

อ้างอิง: th.investing.com

แชร์ไปที่

ข่าวสารการลงทุน

แบงก์ชาติไต้หวันเล็งพิจารณาเงินเฟ้อ-จีดีพีก่อนปรับดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่

2023-5-24 | ข่าวสารการลงทุน

เงินเฟ้อฮ่องกงพุ่ง 2.1% ในเดือนเม.ย. เหตุราคาสินค้าสูงต่อเนื่อง

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่

2023-5-23 | ข่าวสารการลงทุน

กำไรในจีนของวาณิชธนกิจทั่วโลกหดตัวปี 2565 เซ่นพิษโควิด-ปัญหาการเมือง

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่

2023-5-22 | ข่าวสารการลงทุน