Search Mark
หน้าแรก / ข่าวสารการลงทุน

เงินบาทจ่อชะงัก หลังพุ่ง 6% เหตุขาดนักท่องเที่ยวจีน


การพุ่งขึ้นของค่าเงินบาทไทยอาจมาถึงจุดสิ้นสุด หากไร้ปัจจัยหนุนใหม่ ๆ เช่น การหวนคืนมาของนักท่องเที่ยวจีน หลังจากเครื่องบ่งชี้ทางเทคนิคแสดงให้เห็นว่า เงินบาทถูกเทขายมากจนเกินไป

ทั้งนี้ เงินบาทพุ่ง 6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เงินบาทกลายเป็นสกุลเงินที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชีย หลังจีนผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า GDP ไตรมาส 3/2565 ของไทยขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี

อ้างอิง อินโฟเควสท์

แบงก์ชาติจีนคงดอกเบี้ย LPR ติดต่อกันเดือนที่ 3 หลังตรึงดอกเบี้ยนโยบาย

ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.65% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.30% ในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง

อ้างอิง อินโฟเควสท์

“เจฟฟ์ เบซอส” ประสานเสียงมหาเศรษฐีโลกออกโรงเตือนเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอย

นายเจฟฟ์ เบซอส เจ้าของบริษัทแอมะซอน รวมถึง นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา และนายเคน กริฟฟิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซิทาเดล แอลแอลซี ต่างออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยในไม่ช้า เช่นเดียวกับบรรดาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นักลงทุน และสถาบันวิชาการต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันคาดการณ์ถึงภาวะขาลงทางเศรษฐกิจที่ยาวนาน

นอกจากนี้ นายคาร์ล ไอคาห์น นักการเงินผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทไอคาห์น เอนเตอร์ไพรเซส รวมถึง นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส และนายชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ อิงค์ก็คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวและอัตราว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น โดยถูกดดันจากปัจจัยลบหลายประการ รวมถึง การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อชะลอเงินเฟ้อ สงครามในยูเครน และการล็อกดาวน์ของจีนส่งผลกระทบต่อการค้าโลก

อ้างอิง อินโฟเควสท์

หุ้นไทยวันนี้ (21 พ.ย. 65) ปิดตลาดภาคเช้า +5.15 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,623 จุด

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 พ.ย. 65) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,622.53 จุด ปรับขึ้น +5.15 จุด หรือคิดเป็น +0.32% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 31,392 ล้านบาท เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1,611.45-1,623.30 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ PTTEP AAI และ PTT

ดัชนี SET50 ปรับขึ้น +3.94 จุด คิดเป็น +0.40% อยู่ที่ 985.56 จุด มูลค่าซื้อ-ขายรวม อยู่ที่ 15,131 ล้านบาท เทียบเป็นราว 48.20% ของมูลค่าซื้อ-ขายในตลาด SET

อ้างอิง ประชาชาติธุรกิจ

ราคาน้ำมันดิบ (21 พ.ย. 65) ปรับลด ผ่อนคลายจากความกังวลอุปทานตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบปรับลด สะท้อนถึงความผ่อนคลายของตลาดจากความกังวลอุปทานตึงตัว

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานตึงตัวลดน้อยลง ในขณะที่ตลาดยังคงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และสถานการณ์โควิด-19 ของประเทศจีน ซึ่งจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน โดยแหล่งข่าวระบุว่า จีนต้องการชะลอการนำเข้าน้ำมันดิบ เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ

อ้างอิง ประชาชาติธุรกิจ

แชร์ไปที่

ข่าวสารการลงทุน

แบงก์ชาติไต้หวันเล็งพิจารณาเงินเฟ้อ-จีดีพีก่อนปรับดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันพุธที่ 24 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่

2023-5-24 | ข่าวสารการลงทุน

เงินเฟ้อฮ่องกงพุ่ง 2.1% ในเดือนเม.ย. เหตุราคาสินค้าสูงต่อเนื่อง

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันอังคารที่ 23 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่

2023-5-23 | ข่าวสารการลงทุน

กำไรในจีนของวาณิชธนกิจทั่วโลกหดตัวปี 2565 เซ่นพิษโควิด-ปัญหาการเมือง

ติดตามสรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ได้ที่นี่

2023-5-22 | ข่าวสารการลงทุน