นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 37.95 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 38.15 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐ แต่ตลาดยัง กังวลเรื่องปัญหาเงินเฟ้อในสหภาพยุโรป (อียู) โดยคาดว่าที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% นอกจากนี้ ตลาดยังระมัดระวังเกี่ยวกับการเข้าดูแลค่าเงินหยวนของจีน

“บาทแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้หลังดอลลาร์ย่อตัวลงมาตามบอนด์ยีลด์ แต่ยังกังวลเรื่องเงินเฟ้อในอียูและการเข้าดูแลค่า เงินของจีน” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 37.80 – 38.20 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องจับตาดูทิศ ทางของเงินทุนต่างประเทศช่วงสิ้นเดือนและปลายไตรมาส ส่วนปัจจัยทางการเมืองกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจส่งผลต่อค่าเงินบาทในวงจำกัด

อ้างอิง อินโฟเควสท์

ราคาทองวันนี้ล่าสุด 30 ก.ย. 65 เปิดตลาดเช้า “ทองรูปพรรณ” ขายบาทละ 30,300

“ราคาทองวันนี้” เปิดตลาดเช้าวันศุกร์ 30 ก.ย. ราคาปรับขึ้น 100 สำหรับราคา “ทองคำแท่ง” ขายออกบาทละ 29,800 บาท ส่วนราคา “ทองรูปพรรณ” ขายออกบาทละ 30,300 บาท

ราคาทองวันนี้ 30 กันยายน 2565 ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ ซื้อขายบาทละ
ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 29,700 บาท ขายออกบาทละ 29,800 บาท
ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 29,167.84 บาท ขายออกบาทละ 30,300 บาท

อ้างอิง ไทยรัฐ

จีนเผย PMI ภาคการผลิตขยายตัวในเดือนก.ย. แม้ถูกกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.1 จากระดับ 49.4 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI เดือนก.ย.อยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.6 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมด้านการผลิตของจีนฟื้นตัวขึ้น แม้ว่ารัฐบาลใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองใหญ่หลายแห่ง

ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนมีการขยายตัว

นอกจากนี้ NBS ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 50.6 ซึ่งแม้ว่าลดลงจากระดับ 52.6 ในเดือนส.ค. แต่ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังคงมีการขยายตัว

อ้างอิง อินโฟเควสท์

แบงก์ชาติเม็กซิโกขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 11 หวั่นเงินเฟ้อกระทบเศรษฐกิจ

ธนาคารกลางเม็กซิโก (Banxico) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 11 ติดต่อกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจภายในประเทศ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางเม็กซิโกซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก 5 คน มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ระยะข้ามคืน (Overnight interbank interest rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเม็กซิโก ขึ้น 0.75% สู่ระดับ 9.25%

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเม็กซิโกคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.6% ภายในสิ้นปีนี้ สูงกว่าระดับ 8.1% ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนส.ค. และสูงกว่าเป้าที่ธนาคารกลางกำหนดไว้ที่ 3% ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 4%

อ้างอิง อินโฟเควสท์

แบงก์ชาติอินเดียขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% หลังเงินเฟ้อสูงกว่ากรอบเป้าหมาย

ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 5.90% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ RBI ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ทั้งในเดือนส.ค.และเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.40% ในการประชุมเดือนพ.ค.

อัตราเงินเฟ้อในเดือนส.ค.ของอินเดียพุ่งขึ้นแตะระดับ 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2-6% ของ RBI ติดต่อกันนาน 8 เดือนแล้ว

อ้างอิง อินโฟเควสท์