Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดหุ้นปี 2023: หุ้นเทสลาจะกลับมาขึ้นในปีนี้ได้หรือไม่?


ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ หุ้นเทสลาอยู่ในตำแหน่งหุ้นชั้นนำของตลาดสหรัฐ ซึ่งในช่วงต้นเดือนพ.ย. 2021 ราคาหุ้นเทสลาแตะ 380 USD  

Elon Musk ผู้เป็นซีอีโอและผู้ก่อตั้งเทสลา ได้รับการขนานนามจากนักลงทุนว่าเป็น “ไอออนแมน” ในโลกความเป็นจริง  

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่ปี หุ้นเทสลาจะดิ่งลงราว 70% ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดลดลงไปมากกว่าเจ็ดแสนล้านดอลลาร์ 

สิ่งนี้ทำให้เกิดความสงสัยว่าหุ้นที่ครั้งหนึ่งเป็นที่ต้องการมาก ทำไมถึงประสบกับภาวะดิ่งลงไปได้เช่นนี้ คำถามคือราคาหุ้นเทสลาจะกลับมาขึ้นในปีนี้หรือไม่ ซึ่งเราจะพิจารณาปัจจัยหลายอย่างไปพร้อมๆ กัน 

ส่วนแบ่งตลาด สิ่งที่สร้างความกังวลทั้งระยะสั้นและระยะยาว 

เราเห็นได้ว่าเทสลาต้องการครองส่วนแบ่งตลาดเนื่องจากมีการตั้งโรงงานขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนในปี 2020 ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมา เทสลาได้ออกมาพูดถึงแผนการด้วยความกล้าหาญว่าต้องการให้บริษัทเติบโต 50% ในปี 2022 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีใหม่ 2023 เทสลาเปิดตัวเลขการขนส่งรถล่าสุด โดยเทสลาได้ส่งรถ 1,133,800 คันในปี 2022 เพิ่มขึ้นราว 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งห่างจากเป้าหมาย 50% อยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ราคาหุ้นเทสลาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงต้นปี 2023 โดยปิดลง 12.24% ในวันเดียวในวันที่ 3 ม.ค. 2023 

เหตุผลหลักที่ทำให้ตัวเลขการส่งรถของเทสลาต่ำกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากหุ้นของเทสลาไม่ใช่ปลาตัวเดียวในตลาด 

มาดูตัวอย่างของตลาดจีน จากข้อมูลของ CATARC ที่อ้างอิงโดย Bloomberg บริษัท BYD ครองตำแหน่งแนวหน้าในการขายปลีกรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนในปี 2022 ด้วยส่วนแบ่งตลาดเกือบ 20% นำหน้าเทสลาที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 11.6%  

เทสลาอาจจะไม่ได้อยู่อันดับสองด้วยซ้ำ หากไม่ได้ลดราคาในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เพื่อให้ได้ยอดขายตามเป้าหมาย 

เนื่องจาก Wuling Motors เป็นอันดับสามตามหลังเทสลาเพียงประมาณ 0.6% ในแง่ของส่วนแบ่งการตลาดในจีน 

ในแง่ของตลาดโลก แม้เทสลาจะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่อันดับต้นๆ แต่ก็ไม่สามารถวางใจได้ นักวิเคราะห์ของ Bloomberg เชื่อว่า Volkswagen (VW) บริษัทรถยนต์รุ่นเก๋าอาจมีส่วนแบ่งตลาดรถพลังงานใหม่แซงหน้าเทสลาในปี 2026 

เหตุผลหลักของการคาดการณ์นี้ คือเนื่องจาก Volkswagen (VW) จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ และมีการกล่าวว่ารถยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้จะช่วยปรับปรุงปัญหาของความเร็วในซอฟต์แวร์รถยนต์ได้อย่างมากก 

ในเวลาเดียวกัน VW กำลังเตรียมวางแผนเพิ่มความจุของแบตเตอรี่ในรถยนต์ และวางแผนที่จะอัดฉีดเงิน 3 หมื่นล้านยูโรเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานภายในปี 2030 รวมถึงการสร้างโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ใหม่ 6 แห่งในยุโรป 

เป็นผลให้ตลาดโดยทั่วไปสงสัยว่ารถยนต์พลังงานใหม่ของเทสลาจะยังคงเป็นตัวแม่ในวงการหรือไม่ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้นเป็นอย่างมาก 

ความเชื่อมั่นของตลาด: แรงกดดันในภาพรวมมหภาคของเฟด และการเข้าซื้อ Twitter ของ Elon Musk 

ธนาคารกลางสหรัฐฯ: 

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงของเฟดในปีที่ผ่านมามีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดการเงิน ซึ่ง ทำให้ตลาดดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ มีมูลค่าลดลงในปี 2022 

ซึ่งผลกระทบต่อมานั้น ตลาดต้องการให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วที่สุดภายในปี 2023 นี้ และปรับเข้าสูโหมดการลดอัตราดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม รายงานการประชุม FED ล่าสุดในเดือนธันวาคมซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 มกราคม ก็ดูีว่าจะมีท่าทีเป็นอย่างนั้น 

ในรายงานการประชุมแสดงให้เห็นว่า สภาวะการเงินที่ดูผ่อนคลายลงจะช่วยชะลอความต้องการของเฟดในการลดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ เฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายให้อัตราเงินเฟ้อลดกลับมาอยู่ที่ 2% ถึงกระนั้นตลาดคาดการณ์ท่าทีของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อต่ำเกินไป 

การมีท่าทีที่เข้มงวดต่อความกังวลในอัตราดอกเบี้ย (Hawkish stance) ถือว่าไม่ได้เป็นข่าวดีสำหรับตลาดมากนัก แต่พอผ่านไปช่วงหนึ่งหลังจากที่เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นพักๆ ตลาดก็ดูเหมือนจะชินชากับท่าทีแข็งขันของเฟดไปแล้ว ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ มีราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มนักลงทุนได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเฟดจะมีพิสัยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อยู่ดี 

ทางฟากของเฟดเองนั้น ไม่ได้มีท่าทีที่ชัดเจนต่ออนาคตระยะยาว และยังมีความยืดหยุ่นด้านนโยบายการเงินที่จะปรับใช้ต่อไป นั่นทำให้ในอนาคตความไม่แน่นอนยังคงอยู่ในระดับสูง 

อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่สูงนั้นไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นในทุกกรณี เมื่อมองภาพรวมแบบมหภาคแล้ว ราคาหุ้นของ Tesla จะถูกกดดันในระดับหนึ่งอยู่แล้ว 

Elon Musk: 

Elon Musk บุคคลสำคัญผู้ที่ตกเป็นจุดสนใจในข่าวใหญ่อยู่เสมอๆ โดยเฉพาะจากการที่เขาได้เข้าซื้อกิจการของ Twitter ไปเมื่อไม่นานมานี้ 

Musk ได้ขายหุ้น Tesla ออกไปมูลค่า 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา เพื่อจ่ายเงิน 4.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับการซื้อกิจการของ Twitter สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนของ Tesla ผิดหวังอย่างแน่นอนและเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ลดลงอย่างมากในปีที่แล้ว 

หุ้น Tesla ที่ดิ่งลงไปนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่ Musk ต้องการแน่ ในฐานะที่เป็นตัวพ่อด้านการตลาด Musk ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนทันทีว่า เขาจะไม่ขายหุ้น Tesla ทิ้งแล้ว และจะหาคนอื่นมาเป็น CEO ของทวิตเตอร์แทน เพื่อเป็นการหันกลับมาโฟกัสกับ Tesla ต่อ 

เมื่อนานมาแล้ว Elon Musk ได้เคยนำเสนอนักลงทุนด้วยวิสัยทัศน์ที่ดูเหมือนราวกับเป็นนิยาย Sci-fi และนักลงทุนต่างรู้สึกทึ่งกับแนวคิดที่ล้ำสมัยมาก เช่น การสร้างอินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกับสมองมนุษย์เราได้ และแนวคิดการอพยพไปยังดาวอังคาร นักลงทุนต่างสนใจในแนวคิดเหล่านี้จนทำให้ราคาหุ้นของ Tesla พุ่งทะยานขึ้นในทีทันใด และสำหรับ Tesla นั้น ตลาดมองว่า Tesla เป็นผู้เล่นหลักที่จะนำเทคโนโลยีรถ EV ใหม่ๆ เข้ามาแทนที่บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปได้ 

พอตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน นักลงทุนที่เคยเชื่อมั่นในแนวคิดล้ำสมัยเหล่านั้นต่างผิดหวังกันถ้วนหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายว่า Musk จะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาในอนาคตได้หรือไม่ 

เมื่อความเชื่อมั่นของตลาดกลับมา เราจึงจะเห็นหุ้น Tesla กลับสู่วงจรช่วงขาขึ้นอีกครั้ง  

ปัจจัยพื้นฐานทางการเงิน: ราคาหุ้นปัจจุบันอาจต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น (Undervalue) 

แม้ว่าในปีที่ผ่านมา TESLA จะมีผลงานที่น่าผิดหวัง แต่ก็ใช่ว่ายักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง TESLA กำลังจะถึงจุดจบเสียเมื่อไหร่  

ถ้าคิดจากบริบทที่ว่าการซื้อกิจการ Twitter ทำให้ราคาหุ้น Tesla ร่วงลงไป เมื่อ Musk สัญญาว่าจะไม่ขายหุ้น Tesla ทิ้งอีกต่อไปแล้วก็น่าจะทำให้ตัวถ่วงราคาหุ้น Tesla หมดไป 

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นของ Tesla ยังลดลงไปอีก 12% ในวันที่ 3 มกราคม เนื่องจากรายงานตัวเลขการส่งมอบรถต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่จุดที่น่าสนใจนั้นคือ ยอดขายทั่วโลกของ Tesla ในปี 2022 เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อนหน้า แม้ว่าจะพลาดจากเป้าหมาย 50% ไป แต่อัตราการเติบโต 40% นี้เมื่อเทียบเป็นรายปียังคงเป็นอัตราการเติบโตที่สูงซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกซบเซาเช่นนี้รวมถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ใกล้เข้ามา 

นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของ Tesla ยังสูงกว่าบริษัทรถยนต์หลายแห่งมาก เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำของฐานการผลิตระดับ Mega-factory ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และเทคโนโลยีการผลิตแบบหล่อขึ้นรูปชิ้นเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Tesla 

จากข้อมูลรายได้ล่าสุดของบริษัทรถยนต์แต่ละแห่งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2022 นั้น Tesla ยังคงมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ได้เปรียบกว่าบริษัทรถยนต์อื่นๆ อย่างชัดเจน ดังนี้: 

  • ( Tesla )Gross Profit Margin:26.61% 
  • ( Volkswagen )Gross Profit Margin :19.80% 
  • ( General Motors )Gross Profit Margin :12.89% 
  • ( Ford )Gross Profit Margin :15.00% 
  • ( Toyota )Gross Profit Margin :17.03% 

ในระยะสั้น ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลกจะทำให้นักลงทุนเคยตั้งข้อสงสัยกันว่าปัจจัยอุปสงค์ด้านการผลิตของ Tesla มีความอ่อนแอ แต่ความจริงก็คือรถยนต์ของ Tesla ยังสามารถขายได้ในราคาสูง ภาพลักษณ์ที่อยู่ในระดับพรีเมียมยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากมูลค่าหุ้นที่ลดลงแต่อย่างใด 

หาก Tesla ลดราคาลงอีกครั้งเพื่อช่วงชิงตลาด ส่วนแบ่งตลาดอาจดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหรือรวมเข้าด้วยกันในอนาคต 

ในท้ายที่สุดนี้ ธนาคารและสถาบันการเงินหลายแห่งมีความเห็นว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023 แต่เศรษฐกิจถดถอยครั้งนี้อาจจะไม่ถึงขั้นเลยเถิดจนเกิด “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ (Great Depression)่” เหมือนภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็นการลดลงเล็กน้อย 

อย่างเช่นที่ J.P.Morgan และ Bank of America ได้กล่าวต่อสาธารณชนว่า ภายในสิ้นปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อยแต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง  

เมื่อวิเคราะห์เพิ่มเติม Price-to-earnings (P/E) ของ Tesla ในปัจจุบันลดลงเหลือประมาณ 30 เท่า แม้ว่า P/E ของ Tesla จะยังคงสูงเมื่อเทียบกับบริษัทรถยนต์อื่นๆ แต่ P/E ของ Tesla ก็ตกต่ำลงมาจากฟองสบู่อย่างมาก เมื่อนึกดูว่าในอดีตหุ้นของ Tesla เคยทำราคาในตลาดเกิน 1,000 จุดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา 
 

หากเทียบมูลค่ายุติธรรมของบริษัทโดยวัดจากกระแสเงินสดอิสระตามที่ใช้กันทั่วไปในแวดวงการลงทุน ปัจจุบัน Tesla มีมูลค่ายุติธรรมอยู่ที่ราว 212.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งขณะที่กำลังผลิตบทความนี้ หุ้น Tesla ซื้อขายอยู่ที่ 113.64 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่องว่างที่เห็นได้ชัดในการเข้าทำกำไร 

 
แม้ว่าข้อมูลกระแสเงินสดของอาจจะไม่ถูกต้อง 100% แต่ก็สามารถเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันของ Tesla อาจยังอยู่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก 

Visual 

เทรนด์ปี 2023 กับสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น 

Tesla เผชิญกับเหตุการณ์เชิงลบหลายครั้งในปีที่แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ตลาดค่อยๆ แยกแยะผลกระทบเชิงลบจำนวนมากออกจากปัจจัยพื้นฐานของ Tesla เอง ในที่สุด ตลาดจะกลับมาสนใจ Tesla เพราะผลกระทบของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เริ่มลดลง 

ราคาหุ้นปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 113 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับตัวเลขพื้นฐานของ Tesla ถ้าหาก Musk ไม่สร้างข่าวด้านลบให้ Tesla ในปีนี้อีก และเศรษฐกิจโลกไม่ได้อยู่ในภาวะถดถอยจนเกินไป ราคาหุ้นของ Tesla ในปีนี้ก็อาจคุ้มค่ากับความคาดหวังของนักลงทุน 

| เกี่ยวกับ Doo Prime    

เครื่องมือการซื้อขายของเรา     

หลักทรัพย์ | ฟิวเจอร์ส| ฟอเร็กซ์ | โลหะมีค่า | สินค้าโภคภัณฑ์ | ดัชนีหุ้น    

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน     

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก     

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 10 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ     

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก    
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ     

โทรศัพท์     

ยุโรป : +44 11 3733 5199    
เอเชีย : +852 3704 4241    
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415    
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539      

อีเมล    
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]    
ฝ่ายขาย [email protected]    

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)            

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)          

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต           

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้          

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้   

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย     

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง 

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย    

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล  

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดพุ่ง นักลงทุนมองภาคเทคในแง่ดี ความกลัวขึ้นดอกเบี้ยคลายลง

ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้รับแรงผลักดันมาจากคำพูดเชิงบวกจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ซึ่งให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของพวกเขามีมุมมองเป็นบวก  ข้อมูลเงินเฟ้อที่นักลงทุนมองข้าม  แม้จะเผชิญกับข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด แต่นักลงทุนก็ดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลนั้น เทรดเดอร์บางรายเตรียมพร้อมสำหรับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยมีข้อบ่งชี้ล่าสุดว่า Federal Reserve กำลังพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดจึงไม่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ  พันธบัตรรัฐบาล ความผันผวนของค่าเงิน และราคาทองคำ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแสดงผลการดำเนินงานแบบผสมผสาน โดยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวทำได้ดีกว่าระยะสั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงประมาณ 3 จุดมาอยู่ที่ 4.663%  ดัชนี Bloomberg Dollar Spot แข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 1.4% ใกล้ระดับ 158 เยนต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าของเยนในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนจับตาดูการแทรกแซงที่อาจเกิดขึ้นจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด  นอกเหนือจากนี้ ราคาทองคำก็ขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงความสนใจอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน    สรุปการเคลื่อนไหวตลาดรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.7% ดัชนี Nasdaq Composite […]

2024-4-29 | บทความวิเคราะห์ตลาด

S&P 500 ร่วง ท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาคเทคอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ตลาดหุ้นต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่โหดร้าย โดย S&P 500 ประสบพบกับผลการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 การลงครั้งนี้ได้รับแรงหนุนมาจากความวิตกกังวลในตลาด  ผลกระทบทางเศรษฐกิจและธนาคารกลางสหรัฐ  ประการแรก ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินความคาดหมาย บวกกับแถลงการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจากธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น  สิ่งนี้ได้บั่นทอนแรงซื้อของนักลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีการเติบโต ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย  ประการที่สอง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้เพิ่มความไม่แน่นอนอีกชั้นหนึ่งให้กับตลาด  ปัจจัยลบในภาคเทคโนโลยี  การขายออกที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี ที่ได้รับแรงกดดันมาจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น ASML และ TSM  รายงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาลประกาศรายได้ที่กำลังจะมาถึงสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Amazon นักลงทุนต่างคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งแต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการตอบสนองความคาดหวังสำหรับโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา  ภาพรวมผลประกอบการรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ลดลง -3.1% ดัชนี Nasdaq Composite ที่เน้นด้านเทคโนโลยีลดลง -5.5% และดัชนีบลูชิป Dow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ +0.01%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 Index  Last  Change  %Change  DOW […]

2024-4-22 | บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดหุ้นปิดบวกท่ามกลางการมองในแง่ดีด้านเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นได้ปิดทำการในสัปดาห์นี้ด้วยสัญญาณเชิงบวกหลังจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นก็ตาม  S&P 500 เติบโตมากกว่า 1% Wall Street ยังคงมองโลกในแง่ดี โดยแนะนำว่า Federal Reserve อาจไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายแบบเร่งด่วน สิ่งนี้นำไปสู่การปรับราคาในตลาดตราสารหนี้โดยที่อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้น การคาดการณ์การเติบโตของงานและอัตราดอกเบี้ย  ตัวเลขเงินเดือนสหรัฐเพิ่มขึ้น 303,000 ในเดือนมีนาคม โดยอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.8% และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ในช่วงนี้นักลงทุนยังเห็นอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 4.40% ในขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาน้ำมันเบรนท์อยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์   แม้ว่าผลการดำเนินงานของตลาดงานจะแข็งแกร่ง แต่ Mohamed El-Erian หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ Allianz คาดการณ์ว่า Federal Reserve อาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้  สัญญา Swap ซึ่งเป็นมาตรวัดสำหรับคาดการณ์การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเป็นประมาณ 52% โดยความน่าจะเป็นในเดือนกรกฎาคมจะลดลงต่ำกว่า 100%  ภาพรวมผลการดำเนินงานของตลาด  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ร่วงลง -1.0% ดัชนี Nasdaq […]

2024-4-9 | บทความวิเคราะห์ตลาด