Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในภาวะถดถอย


ความหมาย สาเหตุ และสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 มีการเตือนถึงเรื่องที่สหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เนื่องจากเกิด Inverted Yield Curve ขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้น 

เราได้เห็น Inverted Yield Curve เกิดขึ้นในปี 2019 แล้ว ในช่วงก่อนที่จะเกิดภาวะถดถอยเนื่องจากการระบาดของ Covid-19 ในปี 2020  

อีกทั้งยังได้เห็นในอดีต ปี 2007 ก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในปี 2008 

ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 ทั้งปัญหาอัตราเงินเฟ้อสะสมที่ไม่มีท่าทีจะลดลง เรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่พุ่งขึ้นสูง และนโยบายการเงินแบบตึงตัว (Quantitative tightening) ที่เกิดขึ้น ล้วนแต่เป็นปัจจัยส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสเกิดขึ้น  

อ่านบทความเก่าของเราเกี่ยวกับเรื่องภาวะถดถอยของสหรัฐ ได้ที่นี่ ความกลัวภาวะถดถอยของสหรัฐฯ -ความหมาย สาเหตุ และสิ่งที่จะเกิดขึ้น

สิ่งที่ CEO และนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เกี่ยวกับภาวะถดถอย 

ตลอดปีที่ผ่านมา นักลงทุนต้องเผชิญกับความกังวลทางด้านเศรษฐกิจหลากหลายปัญหา อย่างสงครามที่ก่อให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูง และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 

ในขณะนี้ ภาวะเงินเฟ้อก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจสหรัฐ และเฟดก็ได้แก้ปัญหาเงินเฟ้อนี้โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง แต่สิ่งนี้ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง และทำให้ค่าแรงต่ำลงเนื่องจากมาตรฐานการครองชีพ (Standard of living) เพิ่มขึ้นด้วย 

จากผลสำรวจทางเศรษฐกิจล่าสุดของวารสาร Wall Street กล่าวว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างสูงว่าสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในเปอร์เซ็นต์สูงถึง 63% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 2 ปี 

Jamie Dimon ผู้บริหารของ JPMorgan Chase ได้กล่าวกับ CNBC ในวันที่ 10 ตุลาคม 2022 ไว้ว่า ปัญหาร้ายแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดอาจเป็นผลให้ภาวะถดถอยเกิดขึ้นในช่วงกลางปีหน้าได้ และตลาดหุ้นอาจต้องประสบปัญหามากขึ้นไปอีก 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กับผลกระทบจากภาวะถดถอยที่จะกำลังใกล้เข้ามา 

จากที่กล่าวไปก่อนหน้า ตลาดหุ้นสหรัฐได้รับผลกระทบจากภาวะถดถอยที่ใกล้เข้ามา หากจะพูดให้ชัดเจนขึ้น คือสหรัฐฯ กำลังพ่ายแพ้ให้กับศึกครั้งนี้อยู่  

ในระยะนี้ หุ้นตกลงทะลุ 20% จากระดับสูงสุดในช่วงปี ซึ่งปีนี้เกิดขึ้นพร้อมกับความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยสูง และแนวโน้มการเกิดภาวะถดถอย แน่นอนว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วน รวมไปถึง ผลตอบแทนพันธบัตร (Treasury yield) และรายได้ด้วย  

แต่ถึงแม้ว่าหุ้นจะดิ่งลง 20% แล้ว Jamie Dimon ยังคาดคะเนว่า ตลาดหุ้นอาจจะลดลงอีก 20% ไปอย่างง่ายๆ จากระดับปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้หุ้น S&P อยู่ที่ประมาณ 2,900 

ดัชนีหุ้นสหรัฐในช่วงเวลานี้ เป็นดังนี้ 

ดัชนี Y-T-D  
(พอยท์) 
Y-T-D  (เปอร์เซ็นต์) ลดลงครั้งใหญ่ 
Dow Jones –6,161.25 16.84% 30 กันยายน 2022 ที่ 28,725.51 
S&P 500 –1,101.40 22.96% 12 ตุลาคม 2022 ที่ 3,577.03 
NASDAQ –5,152.29 32.54% 14 ตุลาคม 2022 ที่ 10,321.39 

วันที่ 19 ตุลาคม 2022 

ตลาดหุ้นสหรัฐระหว่างช่วงเวลานี้ 

ในวันที่ 13 กันยายน 2022 หุ้นหลัก 3 ตัวของสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากตลาดเกิดการขายหุ้นหนีความเสี่ยงต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า sell-off กันเป็นวงกว้าง หลังจากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดไว้ ด้วยความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจจะชะลอนโยบายการเงินแบบตึงตัวในไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ 

ดัชนีหุ้นหลัก 3 ตัวของสหรัฐดิ่งลงอย่างมาก ปิดการทำกำไรที่เกิดขึ้นใน 4 วันที่ผ่านมาและเริ่มต้นการขาดทุนในหนึ่งวันในเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดนับจากเดือนมิถุนายน 2020 ที่เป็นช่วงที่โรคระบาด Covid-19 อยู่ในช่วงร้ายแรงที่สุด 

ในวันที่ 16 กันยายน 2022 หุ้นสหรัฐปิดต่ำลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจาก FedEx ได้เตือนเกี่ยวกับเรื่องที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังจะเกิดการชะลอตัว ทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์หลบภัยในช่วงปลายสัปดาห์ที่มีแต่ความไม่มั่นคง 

ในวันที่ 19 กันยายน 2022 ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามของสหรัฐแตะระดับต่ำสุด นับจากช่วงกลางเดือนกรกฎาคม โดยดัชนี S&P 500 ปิดต่ำกว่า 3,900 ซึ่งเป็นแนวรับที่ต้องถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด 

ในวันที่ 30 กันยายน 2022 ดัชนี S&P 500 มีเปอร์เซ็นต์การขาดทุนมากที่สุดในรอบ 20 ปี ซึ่งเป็นการปิดการซื้อขายประจำไตรมาสที่มีแต่ความปั่นป่วน เป็นไตรมาสที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในประวัติการณ์ มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

ดัชนีหลักทั้งสามดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กำไรตอนต้นกลับคืนมาในช่วงสั้นๆ 

ดัชนี S&P 500 และ Dow ร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สาม ซึ่งดัชนีหลักทั้งสามนั้นดิ่งลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สองแล้ว 

ในวันที่ 3 ตุลาคม 2022 ดัชนีหลักทั้งสามตัวปิดสูงกว่า 2% เนื่องจากตัวเลขการผลิตต่ำลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) ลดลงอย่างมาก กระตุ้นการซื้อขายดัชนีหุ้นในวันแรกของการซื้อขายประจำไตรมาสที่สี่ 

ในเวลาเดียวกัน ดัชนีหุ้นสหรัฐร่วงลงเป็นเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกันในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่เกิดขึ้นเนื่องจากธนาคารกลางดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ และเป็นปีที่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวด้วย 

ในวันที่ 4 ตุลาคม 2022 ดัชนี S&P 500 ได้ทำกำไรรายวันสูงสุดในรอบ 2 ปีหลังจากมีการปล่อยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนตัวลง และอัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ดำเนินการโดยธนาคารกลางออสเตรเลีย ที่หวังว่าเฟดจะไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงเกินไป 

ในวันที่ 10 ตุลาคม 2022 ดัชนี Nasdap ปิดต่ำสุดในรอบเดือนกรกฎาคม 2022 เนื่องจากนักลงทุนกังวลผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น 

ความเห็นเกี่ยวกับตลาด  

สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในอนาคต   

เมื่อเราเห็นพฤติกรรมของตลาดแล้ว มาดูว่า Jame Gomes นักวิเคราะห์ของ Doo Prime ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเงินมามากกว่า 30 ปี ได้กล่าวถึงภาวะถดถอยไว้อย่างไรบ้าง 

ตามความเห็นทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอด้วย ซึ่งคือสิ่งที่เฟดคาดหวังไว้  คือการชะลอตัวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ 

อย่างที่ทราบกันดีว่ามีการคาดว่าเฟดจะยังคงดำเนินนโยบายแบบ Hawkish ต่อไป โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 75 เบสิสพอยท์ (bps) ในการประชุม 2 ครั้งถัดไป และเพิ่มที่ระดับ 50 เบสิสพอยท์ (bps) หลังจากนั้น 

จากการพูดคุยเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นเรื่องยากที่จะไม่คิดเรื่องที่ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวหรือไม่ และจะเกิดภาวะถดถอยหรือจะไม่ เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบเราได้ 

แนวโน้มตลาดในช่วงนี้ ดูเหมือนว่าจะมีบางคนคิดว่าเศรษฐกิจจะสามารถรับมือต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ อีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะตลาดได้ตั้งราคาที่คาดการณ์มาจากอัตราดอกเบี้ยของเฟดแล้ว และเราได้เห็นจุดต่ำสุดแล้วด้วย

ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ซึ่งเป็นธนาคารของอเมริกา Morgan Stanley และล่าสุดคือ JPMorgan ได้ปรับลดเป้าหมายสิ้นปีสำหรับดัชนี S&P แล้ว 

จากความเชื่อมั่นที่ลดลง ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด และสงครามในยูเครน นักวิเคราะห์รู้สึกว่าปัจจัยเหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบทางลบต่อการทำกำไรของบริษัทได้ 

ในขณะที่บางคนอาจคิดว่านี่เป็นสัญญาณของตลาดขาขึ้น กล่าวคือ แม้แต่นักวิเคราะห์ตลาดขาขึ้นอย่าง JPMorgan Marko Kolanovic ได้เข้าสู่ตลาดขาลง แต่ความเห็นโต้แย้งบอกว่านี่ใกล้จะถึงจุดต่ำสุดแล้ว 

บางทีพวกเขาอาจจะพูดถูกก็ได้ เราอาจใกล้ไปถึงจุดต่ำสุดแล้ว แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอีกมากมาย 

เราต้องวิเคราะห์จากสิ่งที่เรารู้ และสิ่งที่เรารู้ก็คือเฟดจะยังไม่ถอยในเร็วๆ นี้ และถึงแม้ว่าเฟดจะถอย ก็จะไม่เกิดการกลับตัวจนกว่าภาวะเงินเฟ้อจะลดลง 2% 

หากเราตระหนักถึงสิ่งนี้แล้ว เราไม่ควรรู้สึกตายใจ และหวังว่าตลาดจะไม่เกิดการขายหุ้นหนีความเสี่ยงต่อเนื่อง (sell-off) อีกในอนาคตอันใกล้ 

วิธีที่ชาญฉลาดคือ การคาดหวังแต่ก็เตรียมรับมือความผิดหวังไว้ด้วย 

| เกี่ยวกับ Doo Prime         

เครื่องมือการซื้อขายของเรา          
หลักทรัพย์ | ฟิวเจอร์ส | ฟอเร็กซ์ | โลหะมีค่า | สินค้าโภคภัณฑ์ | ดัชนีหุ้น     

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 60,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 5,122 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน      

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก      

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 10 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ      

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก     

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime ได้ที่:      

โทรศัพท์:   
ยุโรป: +44 11 3733 5199   
เอเชีย : +852 3704 4241   
สิงคโปร์: +65 6011 1415      
จีน: +86 400 8427 539      

อีเมล:         
ฝ่ายสนับสนุนทางเทคนิค: [email protected]      
ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์: [email protected]       

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)    

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต     

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้    

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้    

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง  

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย    

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย  

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล   

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดพุ่ง นักลงทุนมองภาคเทคในแง่ดี ความกลัวขึ้นดอกเบี้ยคลายลง

ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้รับแรงผลักดันมาจากคำพูดเชิงบวกจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ซึ่งให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของพวกเขามีมุมมองเป็นบวก  ข้อมูลเงินเฟ้อที่นักลงทุนมองข้าม  แม้จะเผชิญกับข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด แต่นักลงทุนก็ดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลนั้น เทรดเดอร์บางรายเตรียมพร้อมสำหรับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยมีข้อบ่งชี้ล่าสุดว่า Federal Reserve กำลังพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดจึงไม่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ  พันธบัตรรัฐบาล ความผันผวนของค่าเงิน และราคาทองคำ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแสดงผลการดำเนินงานแบบผสมผสาน โดยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวทำได้ดีกว่าระยะสั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงประมาณ 3 จุดมาอยู่ที่ 4.663%  ดัชนี Bloomberg Dollar Spot แข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 1.4% ใกล้ระดับ 158 เยนต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าของเยนในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนจับตาดูการแทรกแซงที่อาจเกิดขึ้นจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด  นอกเหนือจากนี้ ราคาทองคำก็ขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงความสนใจอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน    สรุปการเคลื่อนไหวตลาดรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.7% ดัชนี Nasdaq Composite […]

2024-4-29 | บทความวิเคราะห์ตลาด

S&P 500 ร่วง ท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาคเทคอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ตลาดหุ้นต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่โหดร้าย โดย S&P 500 ประสบพบกับผลการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 การลงครั้งนี้ได้รับแรงหนุนมาจากความวิตกกังวลในตลาด  ผลกระทบทางเศรษฐกิจและธนาคารกลางสหรัฐ  ประการแรก ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินความคาดหมาย บวกกับแถลงการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจากธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น  สิ่งนี้ได้บั่นทอนแรงซื้อของนักลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีการเติบโต ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย  ประการที่สอง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้เพิ่มความไม่แน่นอนอีกชั้นหนึ่งให้กับตลาด  ปัจจัยลบในภาคเทคโนโลยี  การขายออกที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี ที่ได้รับแรงกดดันมาจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น ASML และ TSM  รายงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาลประกาศรายได้ที่กำลังจะมาถึงสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Amazon นักลงทุนต่างคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งแต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการตอบสนองความคาดหวังสำหรับโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา  ภาพรวมผลประกอบการรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ลดลง -3.1% ดัชนี Nasdaq Composite ที่เน้นด้านเทคโนโลยีลดลง -5.5% และดัชนีบลูชิป Dow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ +0.01%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 Index  Last  Change  %Change  DOW […]

2024-4-22 | บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดหุ้นปิดบวกท่ามกลางการมองในแง่ดีด้านเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นได้ปิดทำการในสัปดาห์นี้ด้วยสัญญาณเชิงบวกหลังจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งที่ยั่งยืนในเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจเพิ่มขึ้นก็ตาม  S&P 500 เติบโตมากกว่า 1% Wall Street ยังคงมองโลกในแง่ดี โดยแนะนำว่า Federal Reserve อาจไม่จำเป็นต้องปรับนโยบายแบบเร่งด่วน สิ่งนี้นำไปสู่การปรับราคาในตลาดตราสารหนี้โดยที่อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังเพิ่มขึ้น การคาดการณ์การเติบโตของงานและอัตราดอกเบี้ย  ตัวเลขเงินเดือนสหรัฐเพิ่มขึ้น 303,000 ในเดือนมีนาคม โดยอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.8% และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น ในช่วงนี้นักลงทุนยังเห็นอัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 4.40% ในขณะที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาน้ำมันเบรนท์อยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์   แม้ว่าผลการดำเนินงานของตลาดงานจะแข็งแกร่ง แต่ Mohamed El-Erian หัวหน้าที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของ Allianz คาดการณ์ว่า Federal Reserve อาจประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้  สัญญา Swap ซึ่งเป็นมาตรวัดสำหรับคาดการณ์การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเป็นประมาณ 52% โดยความน่าจะเป็นในเดือนกรกฎาคมจะลดลงต่ำกว่า 100%  ภาพรวมผลการดำเนินงานของตลาด  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ร่วงลง -1.0% ดัชนี Nasdaq […]

2024-4-9 | บทความวิเคราะห์ตลาด