Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

ตัวเลขที่แข็งแกร่งของ PCE และ Core PCE ทำตลาดกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด


หุ้นสหรัฐปิดลบอย่างรุนแรงในวันศุกร์ที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล (Core PCE price index) สูงกว่าที่คาดไว้ และมีการประกาศตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เมื่อวันศุกร์ซึ่งออกมาแข็งแกร่งกว่าเดิม 

ดัชนี PCE เพิ่ม 5.4% จากปีก่อนหน้า และตัวดัชนี Core PCE ได้เพิ่มขึ้น 4.7% ซึ่งทั้งสองดัชนีนี้ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากหดตัวลงมาหลายเดือน 

ในขณะเดียวกัน PCE พุ่งขึ้น 1.1% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งปรับตามราคาแล้ว เป็นตัวเลขที่มากที่สุดในรอบเกือบสองปี หลังจากลดลงติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน 

นักลงทุนมีการตอบสนองต่อข้อมูลเหล่านี้ในทางลบ เนื่องจากตัวเลขเหล่านี้อาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่มากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ 

ยิ่งไปกว่านั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปีได้แตะระดับ 4.8% ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ขณะที่ตอนนี้ Swaps ปรับราคาเพิ่มขึ้น 25 basis point ในการประชุม 3 ครั้งถัดไป ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.4% ภายในเดือนก.ค.นี้ 

สำหรับสัปดาห์นี้ Dow Jones ขาดทุนติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่ ร่วงลง 3% ในขณะที่ S&P 500 ร่วงลง 2.7% นับเป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลงถึง 3.3% 

และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีเมื่อวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2023         

 ราคาปิดตลาด   ราคาที่เปลี่ยน   %ที่เปลี่ยน   
Dow Jones 32,816.92.   -336.99. -1.02% 
S&P 500 3,970.04 -42.28 -1.05% 
Nasdaq Comp 11,394.94.   -195.46. -1.69% 
US 10Y 3.94%   
VIX 21.67 +0.53 +2.51% 

เหล่าเทรดเดอร์สายกระทิงได้รีแอคตามทิศทางข่าวที่เกิดขึ้น แต่เราไม่เห็นแรงซื้อตอนตลาดเคลื่อนไหวลงเหมือนครั้งก่อนๆ หลังจากข่าวปล่อยออกมา ยิ่งไปกว่านั้น เราก็ไม่ได้เห็นตลาดกลับตัวขึ้นเหมือนกับการเทขาย (Selloffs) ครั้งก่อน 

แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนจะคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นที่ 5.4% หรือแม้กระทั่งมากกว่า 6% การเทขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาน่าจะรุนแรงกว่านี้หากเป็นไปตามที่พวกเขาคาดไว้ 

อาจเป็นไปได้ว่า “แรงซื้อเมื่อตลาดลง” ยังทำให้ตลาดยังขึ้นอยู่ แต่แค่ไม่มากเท่าก่อนหน้านี้ 

S&P ใกล้จะคืนกำไรทั้งหมดในปีค.ศ. 2023 แล้ว และเฟดยังไม่น่าจะเปลี่ยนใจในเร็วๆ นี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังห่างไกลจากเป้าหมาย 2% ของเฟดอยู่  

แล้วทำไมตลาดถึงยังไม่ลดลง? 

มีบางคนที่เชื่อว่าข้อมูลจะตามทันตลาด ณ จุดหนึ่ง ดังนั้นยังไม่จำเป็นที่จะต้องขาย ในอนาคต เฟดจะชะลอตัวลงและอาจเปลี่ยนความคิดได้ ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาการซื้อระยะยาวได้ 

ทฤษฎีนีใช้ได้สำหรับผู้ถือหุ้นระยะยาว อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้อาจเป็นจุดที่คุณอาจถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งหากตลาดเทขายมากเกินไป 

นี่จะเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวด ผมคิดว่าตลาดไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้และอาจไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ ซึ่งทำให้ผมต้องระมัดระวังอย่างมากในการซื้อ 

บทความนี้กล่าวว่าตั้งแต่สัปดาห์วันที่ 22 ก.พ. มีการไหลออกของกองทุนตราสารทุน 7 พันล้านดอลลาร์ กองทุนเงินสด 3.8 พันล้านดอลลาร์ และการเพิ่มขึ้นของกองทุนตราสารหนี้ 4.9 พันล้านดอลลาร์ 

อีกทั้ง บทความนี้ยังคาดการณ์ว่า S&P จะมุ่งสู่ระดับ 3800 ในไม่ช้า 

เว้นแต่เราจะได้รับแรงซื้ออีกครั้งจาก FOMO ซึ่งเป็นไปได้ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้ 

อ้างอิง: CBOE, Bloomberg 

บทความนี้เขียนโดย James Gomes     

เจมส์อยู่ในวงการการเงินมากว่า 30 ปี และล่าสุดเขาทำงานให้กับธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปีแล้ว    

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ  

ในขณะที่ Doo Group พยายามเพื่อรับรองความถูกต้องของข้อมูลในเอกสารนี้ ทางบริษัทไม่รับประกันหรือรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ Doo Group ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการใช้เอกสารนี้ เนื้อหาที่อยู่ในเอกสารนี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปและเพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเสนอซื้อหรือขาย หรือเป็นการชักชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ออปชั่น พันธบัตรหรือเครื่องมือทางการเงินหรือการลงทุนอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อความใดในเอกสารนี้ที่ถือเป็นคำแนะนำหรือให้คำแนะนำด้านการลงทุนหรือคำแนะนำอื่นๆ เกี่ยวกับการซื้อ การขาย หรือการจำหน่ายเครื่องมือทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องใดๆ หรือผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนอื่นใด การตัดสินใจลงทุนในตราสารทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนอื่น ๆ ไม่ควรขึ้นอยู่กับข้อความใด ๆ ในเอกสารนี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินของตนเอง คำนึงถึงความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคน และพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนดังกล่าวอย่างรอบคอบ  

โดยไม่จำกัดเพียงแค่สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม Doo Group หรือบริษัทในเครือจะไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจหรือการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยข้อมูลในเอกสารนี้ และไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม Doo Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดชอบสำหรับความเสียหายที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยกรณีพิเศษ ในเชิงลงโทษ โดยบังเอิญ หรือทางอ้อม หรือสิ่งที่คล้ายกันซึ่งเกิดขึ้นจากความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับเอกสารนี้ แม้ว่าจะมีการแจ้งให้ทราบถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวแล้ว  

เอกสารนี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในเอกสารนี้อ้างอิงจากการคาดการณ์ในปัจจุบันซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของ Doo Group จากสถิติที่มีอยู่ สมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้านั้นเกี่ยวข้องกับการตัดสินเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขัน และตลาดในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้มีความยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะทำนายได้อย่างแม่นยำ ในแง่ของความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญซึ่งแฝงอยู่ในข้อมูลที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต การรวมข้อมูลดังกล่าวไม่ควรถือเป็นการแสดงโดย Doo Group ว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าจะบรรลุผลสำเร็จ Doo Group เตือนว่าอย่าเชื่อถือข้อความคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไป และเราไม่มีส่วนรับผิดชอบในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ การแสดงความคิดเห็นเป็นของผู้เขียนและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า  

เอกสารนี้เป็นความลับของผู้รับอย่างเคร่งครัด ถูกจัดเตรียมไว้ให้คุณเพื่อเป็นข้อมูลของคุณเท่านั้น และไม่สามารถทำซ้ำ แจกจ่ายซ้ำ หรือส่งต่อไปยังบุคคลอื่นโดยตรงหรือโดยอ้อมหรือเผยแพร่ทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ว่าด้วยจุดประสงค์ใด ห้ามมิให้นำหรือส่งเอกสารนี้หรือสำเนาใดๆ ของเอกสารนี้ไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา หรือแจกจ่ายโดยตรงหรือโดยอ้อมในสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา การแจกจ่ายเอกสารนี้ในเขตอำนาจศาลอื่นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมาย และผู้ที่มีเอกสารนี้อยู่ในครอบครองควรแจ้งให้ทราบด้วยตนเอง และปฏิบัติตามข้อจำกัดดังกล่าว การยอมรับรายงานนี้แสดงว่าคุณตกลงที่จะผูกพันตามคำแนะนำข้างต้น 

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดพุ่งขึ้นจากท่าที Dovish ของเฟด และรายงานผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่ง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ถือเป็นสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยการเพิ่มขึ้นจากดัชนีหลักๆ โดยการเคลื่อนไหวเชิงบวกได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ อย่างจุดยืนของเฟดและผลประกอบการของบริษัทที่มีตัวเลขออกมาอย่างน่าประทับใจ  อิทธิพลของการตัดสินใจของเฟด และรายงานผลประกอบการของบริษัท   สัปดาห์นี้เปิดตลาดสูงขึ้น เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณ Dovish ซึ่งช่วยทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น  ปัจจัยเชิงบวกอีกประการหนึ่งคือรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม เช่น Amazon (AMZN) และ Apple (AAPL) ทั้งสองบริษัทมีผลประกอบการที่เหนือความคาดหมาย โดย Apple ประกาศโครงการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 110,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจุดประกายความตื่นเต้นในตลาด  ผลการดำเนินงานของตลาดและความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO  การปิดที่สูงขึ้นนี้ส่งผลให้ ดัชนี Dow พุ่งขึ้นเป็นวันที่แปดติดต่อกัน ทำให้เป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดของปี 2024   ความเชื่อมั่นตลาดเพิ่มมากขึ้นจากความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ Zeekr ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ซึ่งเปิดตัวอย่างแข็งแกร่งในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก  แนวโน้มตลาดและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ  เมื่อมองภาพรวมแล้ว S&P 500 (SP500) ได้ปิดราคาเป็นบวกเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกันแล้ว ซึ่งเกือบจะลบการขาดทุนในเดือนเมษายนทั้งหมด และตอนนี้ราคาอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเพียงแค่ 0.6%  การเคลื่อนไหวของตลาดมาจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนมาจากการส่งสัญญาณว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังชะลอตัวลง รวมถึงการดำเนินการที่ผ่อนคลายจากธนาคารกลางยุโรป  ฤดูกาลผลประกอบการของไตรมาสแรกประกาศออกมาด้วยความประหลาดใจเชิงบวก เช่น Walt Disney […]

2024-5-13 | บทความวิเคราะห์ตลาด

หุ้นพุ่งขึ้นท่ามกลางท่าที Dovish ของเฟดและตัวเลขงานที่อ่อนแอ 

S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนมาจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐที่ Dovish มากขึ้นและข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาด  ความผ่อนคลายในหมู่นักลงทุนจากการประกาศของเฟดเมื่อวันพุธได้ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงมาจากความกังวลก่อนหน้านี้ที่ว่าธนาคารกลางอาจมีจุดยืนเชิงรุกมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ  ผลกระทบของรายงานการจ้างงานในสหรัฐฯ  นอกจากมุมมองเชิงบวกแล้ว รายงานการจ้างงานในสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมายังระบุว่าเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 อัตรา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญที่ 240,000 อัตรา โดยการเติบโตของค่าจ้างยังต่ำกว่าการคาดการณ์อีกด้วย ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้นี้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในทางบวก  ปฏิกิริยาของตลาดต่อตัวเลขเศรษฐกิจ  ความคาดหวังของตลาดอยู่ในระดับสูงในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากตลาดต่างรอคอยคำกล่าวของประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ โดยหวังว่าสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในนโยบายการเงิน  แม้ว่าคำกล่าวของพาวเวลล์จะเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานเป็นหลัก แต่รายงานการจ้างงานในเวลาต่อมาก็ตอกย้ำท่าทีที่อ่อนลงของเฟด  นอกจากนี้ ตัวเลขงานที่น่าผิดหวังยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ใกล้สู่ระดับแนวรับสำคัญที่ประมาณ 4.42/33% ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้  ผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ของตลาด  ด้วยแรงหนุนมาจากสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ดัชนีสำคัญๆ ทั้งหมดจึงสรุปผลเชิงบวกในสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.6% ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.1% และดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.4%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม […]

2024-5-7 | บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดพุ่ง นักลงทุนมองภาคเทคในแง่ดี ความกลัวขึ้นดอกเบี้ยคลายลง

ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้รับแรงผลักดันมาจากคำพูดเชิงบวกจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ซึ่งให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของพวกเขามีมุมมองเป็นบวก  ข้อมูลเงินเฟ้อที่นักลงทุนมองข้าม  แม้จะเผชิญกับข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด แต่นักลงทุนก็ดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลนั้น เทรดเดอร์บางรายเตรียมพร้อมสำหรับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยมีข้อบ่งชี้ล่าสุดว่า Federal Reserve กำลังพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดจึงไม่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ  พันธบัตรรัฐบาล ความผันผวนของค่าเงิน และราคาทองคำ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแสดงผลการดำเนินงานแบบผสมผสาน โดยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวทำได้ดีกว่าระยะสั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงประมาณ 3 จุดมาอยู่ที่ 4.663%  ดัชนี Bloomberg Dollar Spot แข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 1.4% ใกล้ระดับ 158 เยนต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าของเยนในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนจับตาดูการแทรกแซงที่อาจเกิดขึ้นจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด  นอกเหนือจากนี้ ราคาทองคำก็ขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงความสนใจอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน    สรุปการเคลื่อนไหวตลาดรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.7% ดัชนี Nasdaq Composite […]

2024-4-29 | บทความวิเคราะห์ตลาด