Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

ตัวเลขการจ้างงานและหุ้นธนาคารที่ปรับตัวสูงสร้างความมั่นใจให้ตลาดหุ้น แม้จะมีความเสี่ยงหลายปัจจัยก็ตาม


หุ้นสหรัฐปิดบวกในวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2023 โดยดีดตัวขึ้นหลังจากที่ขาดทุนติดต่อกันเป็นเวลา 4 วัน 

เฟดเริ่มการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 10 ทำให้มีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 25 Basis point ตามคาดการณ์และส่งผลต่อราคาหุ้นในตลาดแล้วในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา 

แม้ว่าการแถลงการณ์ของเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ชี้ให้เห็นว่าเฟดอาจพร้อมที่จะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยแล้วซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อตลาด แต่เพราะไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ เกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ส่งผลให้ราคาหุ้นตกลง 

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้เปลี่ยนทิศทางในวันศุกร์ที่แล้ว เมื่อหุ้นธนาคารในภูมิภาคต่างปรับตัวขึ้นและข้อมูลตัวเลขการจ้างงานออกมาดี ยิ่งไปกว่านั้น หุ้น Nasdaq ยังพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากรายงานผลประกอบการของ Apple ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ 

หลังจาก JPMorgan ได้เข้าซื้อกิจการของธนาคาร First Republic ผู้ขายจึงพยายามที่จะขาย (Short) หุ้นธนาคารในภูมิภาคที่มีแนวโน้มจะล้ม อย่างไรก็ตามกลยุทธ์นี้ก็ใช้ไม่ได้ ส่งผลให้เกิดการ “Cover Short” ครั้งใหญ่ที่ทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นไปอีก 

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว รายงานของสำนักสถิติแรงงานเปิดเผยรายงานการจ้างงานอันน่าประทับใจ โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 253,000 รายในเดือนที่แล้ว ซึ่งเกินกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 185,000 ราย นอกจากนี้ อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลาย 10 ปีที่ 3.4% 

แม้ว่าดัชนี S&P 500 และ Dow Jones จะเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ แต่ดัชนี S&P 500 และ Dow Jones ยังคงขาดทุนในสัปดาห์นี้ โดยลดลง 0.8% และ 1.2% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq Composite ทำกำไรได้ 0.1% ในสัปดาห์นี้ 

และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม 2023 

 Last Change %Change 
Dow Jones 33,674.38. +546.64. +1.65% 
S&P 500 4,136.25 +75.03. +1.85% 
Nasdaq Comp12,235.41. +269.01. +2.25% 
U.S. 10Y 3.44%   
VIX 17.19 -2.90 -14.44% 

เป็นอย่างที่คาดไว้เลยว่าจะได้เห็นการเทขายหลังจากมีการขึ้นดอกเบี้ยและหุ้นจะดีดตัวขึ้นจากการที่เทรดเดอร์ทำการ “Dip buying” ไป 

ไม่สำคัญว่ารายงานการจ้างงานจะเกิดจากภาวะเงินเฟ้อหรือไม่ เพราะรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 0.5% (เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.3%) โดยตลาดยังคงปรับตัวขึ้นด้วยมุมมองที่ว่าเฟดจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งขึ้นจะป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ 

ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดชี้ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเนื่องจากตัวเลขการจ้างงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้ยังมาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อ  

และเป็นไปได้ว่าเฟดอาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 Basis point ในเดือนมิถุนายน แต่ถึงจะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะเงินเฟ้อ ตลาดก็ยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดโดยเฉพาะจากบริษัท Mega Cap และดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อความกังวลด้านเงินเฟ้อด้วย 

นักลงทุนตัดสินใจแล้วว่าเศรษฐกิจจะสามารถทนต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ และไม่ว่าเฟดจะพูดหรือทำอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว 

เหตุการณ์ปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่ากลยุทธ์นี้ถูกต้อง ตามแนวคิดดั้งเดิมที่แนะนำว่าตลาดควรจะลงต่ำกว่าที่เป็นอยู่มาก 

แม้ว่านักวิเคราะห์จะเตือนว่าอาจเกิดการเทขายในตลาดเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อาจจะ “สูงขึ้นนานกว่าเดิม” แต่นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่ธนาคารอื่นจะล้มละลายและปัญหาตลาดสินเชื่อที่ตึงตัว นอกจากนี้ วิกฤตหนี้ที่กำลังจะมาถึงเป็นอีกเหตุผลที่ให้นักลงทุนพิจารณาลดคำสั่งซื้อ (Long position) ลง 

แม้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ยาวนาน สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือแนวต้านที่ใกล้เข้ามาที่ 4200 หากเราทำลายแนวต้านนี้ไม่ได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเทขายขึ้นอีกครั้ง 

อ้างอิง CBOE, Bloomberg.    

บทความนี้เขียนโดย James Gomes

เจมส์อยู่ในวงการการเงินมากว่า 30 ปี และเขาทำงานให้กับธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปีแล้ว         

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ       

ในขณะที่ Doo Group พยายามเพื่อรับรองความถูกต้องของข้อมูลในเอกสารนี้ ทางบริษัทไม่รับประกันหรือรับรองความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ Doo Group ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการใช้เอกสารนี้ เนื้อหาที่อยู่ในเอกสารนี้มีไว้เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปและเพื่อการศึกษาเท่านั้น และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเสนอซื้อหรือขาย หรือเป็นการชักชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ออปชั่น พันธบัตรหรือเครื่องมือทางการเงินหรือการลงทุนอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ไม่มีข้อความใดในเอกสารนี้ที่ถือเป็นคำแนะนำหรือให้คำแนะนำด้านการลงทุนหรือคำแนะนำอื่นๆ เกี่ยวกับการซื้อ การขาย หรือการจำหน่ายเครื่องมือทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องใดๆ หรือผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนอื่นใด การตัดสินใจลงทุนในตราสารทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน หรือผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนอื่น ๆ ไม่ควรขึ้นอยู่กับข้อความใด ๆ ในเอกสารนี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินของตนเอง คำนึงถึงความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคน และพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนดังกล่าวอย่างรอบคอบ       

โดยไม่จำกัดเพียงแค่สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม Doo Group หรือบริษัทในเครือจะไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจหรือการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยอาศัยข้อมูลในเอกสารนี้ และไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม Doo Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดชอบสำหรับความเสียหายที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยกรณีพิเศษ ในเชิงลงโทษ โดยบังเอิญ หรือทางอ้อม หรือสิ่งที่คล้ายกันซึ่งเกิดขึ้นจากความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับเอกสารนี้ แม้ว่าจะมีการแจ้งให้ทราบถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวแล้ว       

เอกสารนี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในเอกสารนี้อ้างอิงจากการคาดการณ์ในปัจจุบันซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของ Doo Group จากสถิติที่มีอยู่ สมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้านั้นเกี่ยวข้องกับการตัดสินเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขัน และตลาดในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้มีความยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะทำนายได้อย่างแม่นยำ ในแง่ของความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญซึ่งแฝงอยู่ในข้อมูลที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคต การรวมข้อมูลดังกล่าวไม่ควรถือเป็นการแสดงโดย Doo Group ว่าข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าจะบรรลุผลสำเร็จ Doo Group เตือนว่าอย่าเชื่อถือข้อความคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไป และเราไม่มีส่วนรับผิดชอบในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ การแสดงความคิดเห็นเป็นของผู้เขียนและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า       

เอกสารนี้เป็นความลับของผู้รับอย่างเคร่งครัด ถูกจัดเตรียมไว้ให้คุณเพื่อเป็นข้อมูลของคุณเท่านั้น และไม่สามารถทำซ้ำ แจกจ่ายซ้ำ หรือส่งต่อไปยังบุคคลอื่นโดยตรงหรือโดยอ้อมหรือเผยแพร่ทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ว่าด้วยจุดประสงค์ใด ห้ามมิให้นำหรือส่งเอกสารนี้หรือสำเนาใดๆ ของเอกสารนี้ไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา หรือแจกจ่ายโดยตรงหรือโดยอ้อมในสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา การแจกจ่ายเอกสารนี้ในเขตอำนาจศาลอื่นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมาย และผู้ที่มีเอกสารนี้อยู่ในครอบครองควรแจ้งให้ทราบด้วยตนเอง และปฏิบัติตามข้อจำกัดดังกล่าว การยอมรับรายงานนี้แสดงว่าคุณตกลงที่จะผูกพันตามคำแนะนำข้างต้น 

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

หุ้นพุ่งขึ้นท่ามกลางท่าที Dovish ของเฟดและตัวเลขงานที่อ่อนแอ 

S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนมาจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐที่ Dovish มากขึ้นและข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาด  ความผ่อนคลายในหมู่นักลงทุนจากการประกาศของเฟดเมื่อวันพุธได้ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงมาจากความกังวลก่อนหน้านี้ที่ว่าธนาคารกลางอาจมีจุดยืนเชิงรุกมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ  ผลกระทบของรายงานการจ้างงานในสหรัฐฯ  นอกจากมุมมองเชิงบวกแล้ว รายงานการจ้างงานในสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมายังระบุว่าเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 อัตรา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญที่ 240,000 อัตรา โดยการเติบโตของค่าจ้างยังต่ำกว่าการคาดการณ์อีกด้วย ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้นี้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในทางบวก  ปฏิกิริยาของตลาดต่อตัวเลขเศรษฐกิจ  ความคาดหวังของตลาดอยู่ในระดับสูงในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากตลาดต่างรอคอยคำกล่าวของประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ โดยหวังว่าสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในนโยบายการเงิน  แม้ว่าคำกล่าวของพาวเวลล์จะเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานเป็นหลัก แต่รายงานการจ้างงานในเวลาต่อมาก็ตอกย้ำท่าทีที่อ่อนลงของเฟด  นอกจากนี้ ตัวเลขงานที่น่าผิดหวังยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ใกล้สู่ระดับแนวรับสำคัญที่ประมาณ 4.42/33% ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้  ผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ของตลาด  ด้วยแรงหนุนมาจากสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ดัชนีสำคัญๆ ทั้งหมดจึงสรุปผลเชิงบวกในสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.6% ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.1% และดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.4%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม […]

2024-5-7 | บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดพุ่ง นักลงทุนมองภาคเทคในแง่ดี ความกลัวขึ้นดอกเบี้ยคลายลง

ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้รับแรงผลักดันมาจากคำพูดเชิงบวกจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ซึ่งให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของพวกเขามีมุมมองเป็นบวก  ข้อมูลเงินเฟ้อที่นักลงทุนมองข้าม  แม้จะเผชิญกับข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด แต่นักลงทุนก็ดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลนั้น เทรดเดอร์บางรายเตรียมพร้อมสำหรับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยมีข้อบ่งชี้ล่าสุดว่า Federal Reserve กำลังพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดจึงไม่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ  พันธบัตรรัฐบาล ความผันผวนของค่าเงิน และราคาทองคำ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแสดงผลการดำเนินงานแบบผสมผสาน โดยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวทำได้ดีกว่าระยะสั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงประมาณ 3 จุดมาอยู่ที่ 4.663%  ดัชนี Bloomberg Dollar Spot แข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 1.4% ใกล้ระดับ 158 เยนต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าของเยนในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนจับตาดูการแทรกแซงที่อาจเกิดขึ้นจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด  นอกเหนือจากนี้ ราคาทองคำก็ขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงความสนใจอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน    สรุปการเคลื่อนไหวตลาดรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.7% ดัชนี Nasdaq Composite […]

2024-4-29 | บทความวิเคราะห์ตลาด

S&P 500 ร่วง ท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาคเทคอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ตลาดหุ้นต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่โหดร้าย โดย S&P 500 ประสบพบกับผลการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 การลงครั้งนี้ได้รับแรงหนุนมาจากความวิตกกังวลในตลาด  ผลกระทบทางเศรษฐกิจและธนาคารกลางสหรัฐ  ประการแรก ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินความคาดหมาย บวกกับแถลงการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจากธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น  สิ่งนี้ได้บั่นทอนแรงซื้อของนักลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีการเติบโต ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย  ประการที่สอง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้เพิ่มความไม่แน่นอนอีกชั้นหนึ่งให้กับตลาด  ปัจจัยลบในภาคเทคโนโลยี  การขายออกที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี ที่ได้รับแรงกดดันมาจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น ASML และ TSM  รายงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาลประกาศรายได้ที่กำลังจะมาถึงสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Amazon นักลงทุนต่างคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งแต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการตอบสนองความคาดหวังสำหรับโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา  ภาพรวมผลประกอบการรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ลดลง -3.1% ดัชนี Nasdaq Composite ที่เน้นด้านเทคโนโลยีลดลง -5.5% และดัชนีบลูชิป Dow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ +0.01%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 Index  Last  Change  %Change  DOW […]

2024-4-22 | บทความวิเคราะห์ตลาด