เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2022 หุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ราคาสูงขึ้นหลังจากผ่านสัปดาห์ที่ผันผวนอีกครั้ง ในช่วงที่เฟดยังคงนโยบายที่เตรียมรับว่าเงินเฟ้ออาจจะเร่งตัวสูงขึ้นในอนาคต (Hawkish)
โดยในวันพุธที่ผ่านมา Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 Basis Point ตามที่ทุกคนคาดการณ์กันไว้
ด้านประธานเฟด Jay Powell ยังคงท่าทีที่จะใช้นโยบายแบบ Hawkish ต่อ เพื่อให้เข้ากับภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ ซึ่งตลาดกำลังลุ้นว่าเงินเฟ้อจะสิ้นสุดเมื่อไหร่่ โดยแนวทางยังไม่มีทีท่าจะกลับด้านแต่อย่างใด
และเมื่อวันศุกร์ สถิติการจ้างงานและตัวเลขเงินเดือนของกลุ่มแรงงานมีผลออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ +261,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.7% ซึ่งมากกว่าตัวเลข 3.6% ที่คาดการณ์เอาไว้
ผลตอบรับที่เกิดขึ้นทำให้ดัชนีมีทิศทางลดลง จากนั้นก็กลับตัวขึ้นและดิ่งลงอีกครั้ง ราคาที่โต้กลับใกล้ช่วงปิดทำการส่งผลให้ตลาดตกต่ำลงอีกครั้ง
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ณ สิ้นสุดสัปดาห์อยู่ที่ 4.66% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีอยู่ที่ 4.66%
สำหรับทั้งสัปดาห์ ค่าเฉลี่ยดัชนีที่สำคัญปิดตัวลงเล็กน้อย โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 1.4%, S&P ปิด 3.4% และ Nasdaq ตกต่ำ 5.7%
และข้อมูลด้านล่างนี้เป็นราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2022
ราคาปิดตลาด | การเปลี่ยนแปลง | %ที่เปลี่ยนแปลง | |
Dow Jones | 32,403.22. | +401.97 | +1.26% |
S&P 500 | 3,770.55 | +50.66. | +1.36% |
Nasdaq Comp | 10,475.25. | +132.31. | +1.28% |
US 10Y | 4.16% | ||
VIX | 24.55 | -0.75 | -2.96% |
มีหลายฝ่ายได้ให้ความเห็นว่า Jerome Powell ที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 75 Basis point เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้คือ อนาคตอาจเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยเป็น 50 Basis point แต่ดอกเบี้ยเป้าหมายที่เฟดพอใจ อาจสูงกว่า 5%
ซึ่งต้องไม่ลืมว่าเฟดตั้งใจที่จะรักษาอัตราดอกเบี่ยนี้ไว้เป็นเวลานาน
จากถ้อยแถลงของเขาน่าจะเป็นจุดชี้ชัดได้ว่า ผู้ที่ยังรอว่าจะมีจุดกลับตัวของดอกเบี้ย ซึ่งนโยบายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยง่ายในอนาคตอันใกล้นี
แล้วทำไมตลาดจึงไม่ดิ่งลง และราคาจึงพุ่งสูงขึ้นในช่วงใกล้ปิดตลาด
นี่เป็นอีกครั้งที่เราไม่สามารถคาดเดาทิศทางตลาดได้เลย
ค่าเงินดอลลาร์ลดลงจากระดับสูงสุดและให้ผลตอบแทนในลักษณะที่หลายคนอาจคิดว่าถึงจุดสิ้นสุดแล้ว นอกจากนี้ยังมีนักลงทุนในหุ้นบางรายรู้สึกว่าสิ่งที่เฟดทำนั้นอาจมากเกินความจำเป็น
นั่นอาจจะถือว่าถูก อย่างไรก็ตาม มีผู้วิเคราะห์ว่า Powell ยอมที่จะกดดันอัตราดอกเบี้ย ดีกว่าปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อลอยตัว
เขากล่าวว่าต้นทุนการกดดอกเบี้ยนั้นน้อยกว่าต้นทุนที่จะเกิดจากเงินเฟ้อที่ไม่ได้ควบคุมเสียอีก
ด้วยเหตุนี้ อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้นอีกเล็กน้อยและยังคงสูงต่อไปอย่างนี้อีกสักระยะหนึ่ง
ผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นเจ็บปวด และผู้ที่ใช้ชีวิตประจำวันจะได้รับผลกระทบมาก
แน่นอนย่อมจะส่งผลเสียต่อบริษัทจำนวนมาก ไม่เพียงแต่ในการประเมิน Valuation บริษัทในหลักทรัพย์ แต่ยังรวมไปถึงการกัดกินผลกำไรบริษัทในที่สุด
เราจะเห็นการรีบาวด์ในตลาดหรือไม่?
เราถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง และถึงเวลาต้องเปลี่ยนเทรนด์โพสิชั่นแล้วหรือยัง?
คนที่กล้ามากเท่านั้นถึงจะเชื่อว่ากระเเสการขายจบลงแล้ว แน่นอนว่าเราจะเห็นการแกว่งของราคาขึ้นๆ ลงๆ ครั้งใหญ่ แต่เทรนด์ตอนนี้ก็ยังน่ากลัวและประมาทไม่ได้ในตอนนี้
ที่มา: CBOE, Bloomberg,
บทความนี้เขียนโดย James Gomes
เจมส์อยู่ในวงการการเงินมากว่า 30 ปี และล่าสุดเขาทำงานให้กับธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปีแล้ว
การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง
การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย
โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง
ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)
ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)
บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต
Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้
Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้