ข้อมูลทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความกังวลต่อโควิดสายพันธุ์ Omicron

2021-12-07

บทความวิเคราะห์ตลาด

หุ้นสหรัฐปิดต่ำสุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะรวมมูลค่าการซื้อขายในนาทีสุดท้าย
แล้วก็ตาม โดย Nasdaq ปิดลบถึง -1.92% จากการขายส่วนใหญ่ ขณะที่ S&P ก็ปิดลบที่ -0.84% และ Dow ก็ปิดลบที่  -0.17% เช่นกัน  

โดย S&P และ Nasdaq นั้นปิดลดติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยลดลง 1.2% และ 2.6% ตามลำดับ ซึ่ง Dow Industrials นั้นร่วงลงติดต่อกันถึง 4 สัปดาห์ ส่วนพันธบัตรปรับตัวขึ้นโดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลง 10 จุดมาอยู่ที่ 1.36%

ส่วน Payroll ก็มีการเพิ่มขึ้นที่ต่ำกว่าที่คาด โดยเพิ่มขึ้นเพียง 210,000 จากที่เดือน ต.ค.
นั้นพิ่มขึ้นถึง 546,000 แต่อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 4.2% จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งล้านคน โดยมีการคาดการณ์ว่าอัตราการจ้างงานนั้นจะยังสูงขึ้น ซึ่งในขณะนี้
ก็มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง จากยอดสูงสุด 50% ในเดือนพ.ค. ตามข้อมูลของกองทุนเฟด ฟันด์ ฟิวเจอร์ส 

ซึ่งประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อวันอังคารว่า “น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเลิกใช้คำนั้น” หรือ “ชั่วคราว” เมื่อพูดถึงอัตราเงินเฟ้อ จากแรงกดดันด้านราคาขณะนี้เฟดกำลังพิจารณาที่จะลดการซื้อสินทรัพย์ลงเร็วขึ้น โดยเปลี่ยนไปสู่นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น 

สรุปภาพรวมตลาดในวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ดังนี้ 

 มูลค่าปิดตลาด 
(จุด) 
ค่าการเปลี่ยนแปลง 
(จุด) 
คิดเป็น  
Dow Jones 34,580.08       -59.71 -0.17% 
S&P 500           4538.43          -38.67 -0.84% 
Nasdaq Comp 15085.47     -295.85 -1.92% 
US 10Y               1.36%    
VIX        30.67      +2.72 9.73% 

ทำไมเราอยู่ตรงนี้? เริ่มต้นด้วย Omicron เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ส่งผลให้หุ้นลง เพราะความกังวลในการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีรายงานว่าทำให้เกิดการเทขายหุ้นสหรัฐอีกรอบ ซึ่งเฟดกำลังพิจารณาในการทำ tapering   

ด้าน นาย James Bullard ประธานธนาคารกลางของ St. Louis กล่าวว่าตัวเลขการจ่ายเงินเดือนนั้นแข็งแกร่งมาก จึงอาจจบการทำ tapering ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ โดยสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ แม้ว่าเราจะมีข้อมูลของ Omicron ไม่มากนักแต่กลับมีรายงานชี้ให้เห็นว่ามันอ่อนกว่าสายพันธุ์เดลต้า อันที่จริง มีรายงานบางฉบับที่ชี้ให้เห็นว่าอาจเป็นสายพันธุ์แห่งความหวังที่จะเป็นตัวหลักที่เราต้องรับมือและอาจจัดการได้ง่ายขึ้นหรืออาจจะมีอะไรมากกว่านั้น แม้โควิดจะมีการปรับที่ดูแปลกๆ แต่เราก็อยู่กับมันมาถึง 2 ปีแล้ว เสียงเหยี่ยวจากเฟดอยู่ในสายมาระยะหนึ่งแล้ว กระแสเทขายก็ยังแรงมาก จนผมเองก็สงสัยในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน” นาย Bullard กล่าว  

เป็นไปได้ไหมว่าตลาดจะปิดหูปิดตาในเรื่องนี้ และเพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่โดยไม่สนใจ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้นแล้ว หรือมันอาจจะง่ายอย่างที่ตลาดต้องการพัก และการพักตัว และการกลับคืนที่อาจใช้เวลานาน แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร VIX ที่ 30 กำลังบอกว่าตลาดจะยังคงผันผวนต่อไปในระยะอันใกล้นี้ี้ แม้ตลาดหมีจะถูกควบคุมแล้ว แต่ก็ไม่อาจตัดผู้ซื้อออกไปจากวงจรได้โดยสิ้นเชิง 

อ้างอิง: CBOE, Reuters, Bloomberg
บทความโดย James Gomes ผู้คร่ำหวอดในวงการการเงินมากว่า 30 ปี โดยทำงานกับธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปี 

ประกาศความไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 

แม้ว่า DOO Group จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อรับรองความถูกต้องของเอกสารหรือบทความนี้ แต่จะไม่รับรอง
หรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ และ DOO Group จะไม่รับผิดชอบต
่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการใช้เอกสารหรือบทความนี้ เนื้อหา
ในเอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปและเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการศึกษาเท่านั้น ซึ่งบทความนี้ไม่ใช่และ
ไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเสนอในการซื้อหรือขาย หรือเป็นการชักชวนให้เสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ออปชั่น พันธบัตรหรือเครื่องมือทางการเงินหรือการลงทุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เอกสารหรือบทคามนี้ไม่ควรใช้
เป็นการแนะนำหรือให้การลงทุนหรือคำแนะนำอื่นใดเกี่ยวกับการซื้อ การขาย หรือการจำหน่ายตราสารทาง
การเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หรือผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนอื่นใด การตัดสินใจลงทุนในเครื่องมือทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หลักทรัพย์หรือการลงทุนไม่ควรทำโดย
อาศัยข้อความใด ๆ ในเอกสารนี้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินของตนเองโดยคำนึงถึงความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคน และพิจารณา
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนดังกล่าวอย่างรอบคอบ

DOO Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจหรือการดำเนินการใด ๆ โดยอาศัยข้อมูล
ในเอกสารหรือบทความนี้ และในกรณีใด ๆ DOO Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดต่อความเสียหายที่
เป็นผลสืบเนื่อง ทั้งโดยบังเอิญ โดยอ้อม หรือผลคล้ายกันที่เกิดขึ้นจากความเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือบทความนี้ แม้ว่าจะได้แจ้งถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวแล้วก็ตาม
เอกสารนี้หรือบทความนี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในเอกสารนี้อิงตาม
การคาดการณ์ในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อิงจากการวิเคราะห์ของ DOO Group จากสถิติที่มีอยู่ สมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อความคาดการณ์
ล่วงหน้าเกี่ยวข้องกับการตัดสินที่เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในอนาคต การแข่งขันและตลาดในอนาคต ซึ่ง
ทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์อย่างแม่นยำ เนื่องด้วยความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญซึ่งมีอยู่ในข้อมูล
เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในที่นี้ การรวมข้อมูลดังกล่าวไม่ควรถือเป็นการแสดงโดย DOO Group
ว่าจะสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง DOO Group ขอแจ้งว่าให้ทราบว่าไม่ควรไว้วางใจในแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไป และไม่รับผิดชอบต่อการปรับปรุงข้อความคาดการณ์
ล่วงหน้าใด ๆ การแสดงความเห็นเป็นของผู้เขียนและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

เอกสารนี้ถือเป็นความลับกับผู้อ่านและข้ออมูลนี้มีการจัดหาเพียงเพื่อข้อมูลเท่านั้นและไม่สามารถทำซ้ำ แจกจ่ายซ้ำ หรือส่งต่อ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไปยังบุคคลอื่นหรือเผยแพร่ทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ห้ามนำหรือส่งเอกสารนี้หรือสำเนาใด ๆ ไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
หรือแจกจ่ายโดยตรงหรือโดยอ้อมในสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา การแจกจ่ายเอกสารนี้ในเขตอำนาจศาลอื่นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมาย และบุคคลที่ครอบครองเอกสารนี้ควรแจ้งตนเองและปฏิบัติตามข้อจำกัดดังกล่าว การยอมรับรายงานนี้แสดงว่าคุณตกลงผูกพันตามคำแนะนำข้างต้น

IconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-21 | อัปเดตผลิตภัณฑ์

การปรับมาร์จิ้นสำหรับ CFDs หุ้นสหรัฐ รอบวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 

เราขอแจ้งให้คุณทราบถึงการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดมาร์จิ้นสำหรับ CFDs หุ้นสหรัฐบางรายการ เนื่องจากใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการ  เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงประกาศผลประกอบการ อัตรามาร์จิ้นสำหรับหุ้นที่ระบุด้านล่างจะถูกปรับเป็น 20% (เลเวอเรจ 1:5) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ก่อนเวลา 20:30 น. (UTC+7)   วิธีการดำเนินการ  การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าคุณต้องรักษา อัตรามาร์จิ้น 20% ของมูลค่าการเทรดทั้งหมด ซึ่งเท่ากับการลดเลเวอเรจลงเป็น 1:5 การปรับนี้มีขึ้นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเทรดที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูงก่อนการประกาศผลประกอบการ   หุ้นที่ได้รับผลกระทบ – รอบปัจจุบัน  ชื่อหุ้น  สัญลักษณ์  วันที่ประกาศผลประกอบการ  Zoom Communications Inc  ZM  21/11/2568  HP Inc  HPQ  สิ่งที่คุณควรดำเนินการ  หากคุณถือสถานะใน CFDs หุ้นสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบ:  หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนี้ หรือหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม กรุณาติดต่อทีมสนับสนุนของเราได้ทุกเมื่อ 

article-thumbnail

2025-11-21 | พัฒนาระบบ

การอัปเดต MT4 Live 3: การจัดเก็บข้อมูลคำสั่งซื้อ  

เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสบการณ์การเทรดของคุณให้ดียิ่งขึ้น เราจะดำเนินการบำรุงรักษาตามกำหนดบนเซิร์ฟเวอร์ MT4 Live 3 ตั้งแต่เวลา 09:00 น. ของวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ถึงเวลา 09:00 น. ของวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 (UTC+7)   ในช่วงเวลาดังกล่าว เราจะทำการจัดเก็บข้อมูลคำสั่งซื้อทั้งหมดที่ทำรายการก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 โปรดทราบว่าหลังจากดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ประวัติการเทรดของคุณจะสามารถดูได้เฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด เท่านั้น   เราขออภัยในความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้น และขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจของคุณในขณะที่เรามุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ  หากคุณมีคำถามหรือจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของเราได้ตลอดเวลา 

article-thumbnail

2025-11-20 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

บิตคอยน์กำลังเข้าสู่ตลาดหมีแล้วหรือยัง?

หลังจากพุ่งขึ้นมากกว่า 70% ตั้งแต่เดือนเมษายน คริปโตเบอร์หนึ่งของโลกก็ได้ปรับตัวลงมาแล้วประมาณ 26% จากจุดสูงสุด ทำให้หลายคนเริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ของคริปโตแครช และการเกิดตลาดหมีรอบใหม่  แต่คำถามที่สำคัญจริงๆ คือ ตอนนี้บิตคอยน์เข้าตลาดหมีแล้วจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงการย่อตัวกลางรอบตามวัฏจักรเท่านั้น  อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเป็นตลาดหมี ทั้งปัจจัยมหภาค จังหวะของวัฏจักร และประวัติของบิตคอยน์เอง ต่างชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า นี่อาจเป็นเพียงการรีเซ็ตภายในรอบขาขึ้นใหญ่ของคริปโตเท่านั้น  เราอยู่ในตลาดกระทิงหรือหมี  โดยทั่วไปแล้ว หากจะบอกว่าเข้าสู่ตลาดหมี ราคาต้องร่วงลงมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ไม่ใช่ 26 เปอร์เซ็นต์ และสำหรับคริปโต การย่อตัวในช่วง 20 ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แม้ในช่วงขาขึ้นแรงๆ  ในความเป็นจริงแล้ว  แล้วตอนนี้เราอยู่ตรงไหน  การลงมาประมาณ 26 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าอยู่ในช่วงล่างของการปรับฐานปกติ ไม่ใช่การเสียโครงสร้างสำคัญ คำถามว่า “บิตคอยน์จะขึ้นต่อไหม” จึงขึ้นอยู่กับภาวะการย่อตัวรอบนี้ และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มากกว่า  ในตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณใดบ่งบอกว่าเป็นตลาดหมีแบบยืนยัน โครงสร้างภาพใหญ่ยังคงแข็งแรงอยู่  ภาพมหภาคของบิตคอยน์ยังชี้ว่ามีโอกาสขึ้นต่อ  ลองมองภาพใหญ่ในเชิงมหภาค  • มีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยจะถูกปรับลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  ซึ่งโดยทั่วไป การลดดอกเบี้ยมักกระตุ้นสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโตด้วย  • ตอนนี้เริ่มมีการพูดถึงสภาพคล่องแบบคล้าย QE หากเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแรง   สภาพคล่องที่มากขึ้นถือว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีต่อบิตคอยน์และตลาดหุ้น  • ผลตอบแทนแท้จริงที่ลดลงก็มักจะส่งผลดีต่อบิตคอยน์เช่นกัน  บิตคอยน์มักเคลื่อนไหวคล้ายสินทรัพย์ที่มีเบต้าสูง เมื่ออัตราผลตอบแทนลดลง ความสนใจจากนักลงทุนจะเพิ่มขึ้น  เมื่อรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับกระแสเงินไหลเข้าจาก ETF และดีมานด์ของสถาบัน ภาพรวมของวัฏจักรจึงยังคงเอียงไปในทาง ขาขึ้น ไม่ใช่ขาลง  นี่คือเหตุผลที่นักลงทุนระยะยาวหลายคนเชื่อว่า เรายังอยู่เพียงช่วงต้นของรอบขยายตัวรอบนี้เท่านั้น  อะไรทำให้บิตคอยน์ร่วงลง?  ปัจจัยจริงที่ตรวจสอบได้มีดังนี้:  1. การทำกำไรหลังจากขึ้นมา 70%  กองทุนรายใหญ่ล็อกกำไรบางส่วน ไม่ใช่สัญญาณขาลง แค่พฤติกรรมตลาดปกติ  2. การหมุนเงินของ ETF (กระแสเงินเข้า BlackRock และ Fidelity ชะลอตัวชั่วคราว)  กระแสเงินเข้า ETF ไม่ได้พลิกเป็นไหลออก แค่ชะลอลงไม่กี่สัปดาห์หลังจากมีเงินไหลเข้ารอบใหญ่การพักตัวนี้เพียงพอที่จะเปิดช่องให้ฝั่งขายคุมเกมระยะสั้นได้  สิ่งนี้สอดคล้องกับความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อ การคาดการณ์ BlackRock Bitcoin ETF ปี 2025 เพราะสถาบันอาจเพิ่มการสะสมเมื่อภาพเศรษฐกิจชัดขึ้น  3. แรงขายจากนักขุด  หลัง Halving นักขุดมักต้องขาย BTC มากขึ้นเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย เป็นแรงขายเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่เพราะมุมมองขาลง และตามสถิติจะกินเวลาประมาณ 2–3 เดือน  4. สภาพคล่องทั่วโลกตึงตัวชั่วคราว  ทอง หุ้น และคริปโต ต่างก็พักลงพร้อมกันเพราะสภาพคล่องโลกตึงตัวเล็กน้อย สถานการณ์แบบนี้ทำให้ตลาดเข้าสู่โหมด “หลีกเลี่ยงความเสี่ยง” ก่อนจะเกิดตัวเร่งเศรษฐกิจรอบใหม่   ทั้งสี่ปัจจัยรวมกันก่อให้เกิดเพียง ภาวะอุปทานล้นแบบชั่วคราว ไม่ใช่สัญญาณว่าตลาดบิตคอยน์กำลังแตกหรือเข้าสู่ขาลงระยะยาว  ความเสี่ยงจากการหมุนเงิน: ทองกำลังแย่งสภาพคล่องจากบิตคอยน์จริงไหม?  นี่คือมุมที่น้อยคนพูดถึง แต่คุณควรรู้ไว้  ตอนนี้ทองกำลังพุ่งแรง สภาพคล่องที่ไหลออกไปก่อนหน้านี้กำลังไหลกลับเข้าทองอีกครั้ง ขณะที่บิตคอยน์เริ่มเย็นลง  คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้น:  สภาพคล่องของบิตคอยน์กำลังหมุนเข้าสู่ทองหรือไม่?  ก็มีความเป็นไปได้  แบบชั่วคราว  ทองตอนนี้ใกล้ทำจุดสูงสุดตลอดกาล ส่วนบิตคอยน์ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดของตัวเองอยู่ เมื่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เงินบางส่วนมักจะไหลจากสินทรัพย์ผันผวน (BTC) ไปยังสินทรัพย์ที่ “ปลอดภัยกว่า” อย่างทอง  แต่สิ่งนี้ไม่ได้แปลว่ารอบขาขึ้นของบิตคอยน์จบแล้ว ตามประวัติศาสตร์ ทองและบิตคอยน์ผลัดกันเด่นขึ้นอยู่กับช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจ และสุดท้ายก็มักจะกลับมาขึ้นคู่กันเมื่อสภาพคล่องกลับมา  ตอนนี้ ทองกำลังพักกินสภาพคล่องจาก BTC แต่รอบวัฏจักรเปลี่ยนเร็วเสมอ  มุมมองทางเทคนิค: บิตคอยน์ไม่ได้พัง  มาดูกราฟกันก่อน  บิตคอยน์ยังคงยืนอยู่เหนือ จุดต่ำระยะยาวที่ยกตัวสูงขึ้น โครงสร้างราคาโดยรวมยังไม่เสีย เพียงแค่เป็นช่วงพักฐาน ไม่ใช่ภาวะล่มสลายของแนวโน้ม  และนี่คือจุดสำคัญที่หลายคนลืมไป:  เหตุการณ์ย่อตัวแบบเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในเดือนมีนาคม 2025  จากความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า ราคาบิตคอยน์เคยร่วงลงมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลึกกว่าการปรับฐานรอบนี้ที่ราว 26 เปอร์เซ็นต์ที่เราเห็นในตอนนี้  แต่ถึงอย่างนั้น  หลังจากการร่วงครั้งนั้น บิตคอยน์กลับเข้าสู่ช่วงสะสมตัวใหม่ ความเชื่อมั่นในตลาดถูกรีเซ็ต และแนวโน้มขาขึ้นก็เดินหน้าต่อ  การเคลื่อนไหวในรอบปัจจุบันนี้มีลักษณะ คล้ายกันมาก  ประวัติศาสตร์อาจไม่เกิดซ้ำแบบเดิมทุกจุด แต่ก็มักจะ คล้องจองกัน เสมอ  […]