Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดการเงินปี 2022 : หลักทรัพย์


ปี 2022 เป็นปีที่ค่อนข้างมืดมนสำหรับนักลงทุนทุกแวดวง มีปัจจัยหลายอย่างส่งผลให้ตลาดอยู่ในช่วงขาลงในปีนี้ อย่างเช่น อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบ 40 ปี พร้อมกับการปรับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากเฟด (FED) หลายครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ราคาหุ้นส่วนมากดิ่งลง 

แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดใจสำหรับนักลงทุน แต่ข้อดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว คือสิ่งเหล่านี้พิสูจน์ว่าปีนี้เป็นปีที่ดีในการเข้าซื้อหุ้น แม้ว่าอดีตจะไม่สามารถบอกอนาคตได้ แต่จากอดีตแล้ว ตลาดหุ้นโดยรวมเกือบทุกตลาดจะฟื้นตัวจากตลาดขาลง และพลิกผันมาทำจุดสูงสุดใหม่ (All-time highs) ได้เกือบทุกครั้ง  

ปี 2022 จะจบลงใน 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยหากปีนี้จะถูกยกให้เป็นปีที่ท้าทายสูงสุดของนักลงทุน 

เรามาดูรายละเอียดสรุปตลาดหุ้นในปี 2022 ว่าเป็นอย่างไร 

ตลาดหุ้นภาพรวมและสถานการณ์สำคัญในปี 2022 

ในช่วงต้นปี 2022 ตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในช่วงที่แย่ที่สุดในเดือนแรกของปี นับตั้งแต่มีการเกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2009 

เข้าดูบทความเก่าของเราได้ที่ The 2022 Global Stock Market Crash – What, How, What’s Next 

หุ้นดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ต่างร่วงลงสู่ตลาดขาลง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งของปีนี้ ซึ่ง S&P 500 มีผลตอบแทนครึ่งปีแรกที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่ Richard Nixonn เป็นประธานาธิบดีด้วยซ้ำ! 

มาดูกันว่าเหตุการณ์สำคัญในตลาดหุ้นปี 2022 มีอะไรบ้าง 

ดัชน S&P 500  

ในวันที่ 23 ก.พ. 2022 S&P 500 ดิ่งลงสู่แดนปรับฐาน (correction territory) เนื่องจากตลาดยังคงเทขายต่อเนื่องจากทิศทางที่เปลี่ยนไปจากเหตุการณ์ในยุโรปตะวันออก ดัชนี S&P 500 ร่วงลงมากกว่า 10% จากระดับสูงสุดในเดือนมกราคม เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าราคาหลักทรัพย์เกิดการปรับฐานเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปี ซึ่งครั้งล่าสุดที่ราคาในดัชนีเกิดการปรับฐานนั้นเกิดขึ้นเมื่อโรคระบาด COVID-19 ทำตลาดปั่นป่วนในปี 2020 

ในวันที่ 8 มี.ค. ดัชนีสหรัฐยังเป็นสีแดงจากแรงกดดันของสงคราม รวมถึงการคว่ำบาตรน้ำมัน (Oil sanction) และอัตราเงินเฟ้อ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอนอย่างต่อเนื่อง S&P 500 อยู่ในแดนตลาดขาลงและมีวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่มีในเดือนตุลาคม 2020 โดยร่วงลงที่ 2.95% ตามมาด้วยการลดลงอีก 0.5% 

ในเดือนเม.ย ดัชนี S&P 500 ร่วงลงอย่างมาก เนื่องจากตลาดหุ้นสะดุด เพราะเฟดมีทีท่าที่ใช้นโยบายทางการเงินแบบตึงตัว (Hawkish) ในขณะที่ธนาคารแห่งอเมริกาก็ได้เตือนเกี่ยวกับ “สภาวะช็อกจากภาวะถดถอย (recession shocks)” ด้วย 

ในวันที่ 16 มิ.ย. 2022 หุ้น 16 ตัวใน S&P 500 ร่วงลงอย่างน้อย 9% ต่อวัน หลังจากที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ดัชนีร่วงลง 3.25% ในระหว่างวัน 

ในวันที่ 13 ก.ย. 2022 S&P 500 อยู่ที่ 4.32% ในวันนั้น หลังจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 

S&P 500 มีการฟื้นตัวเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในกลางปี 2022 ซึ่งลดลงมากกว่า 25% จากระดับสูงสุด เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ดัชนี S&P 500 ปรับลงเล็กน้อยกว่า 16.75% แต่ก็ยังอยู่ในช่วงปรับฐาน เว้นแต่ว่าตลาดจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในเดือนธันวาคม จึงจะมีแนวโน้มที่จะจบเลขสองหลักสำหรับปีนี้ 

ดัชนี Composite NASDAQ 

ในวันที่ 5 พ.ค. ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 4.99% ซึ่งราคาดัชนีถูกลากลงมาจากหุ้นใหญ่ (Megacap growth stocks) ซึ่งแทบจะหักล้างผลกำไรที่ได้ในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเฟดมีทีท่าที่ผ่อนปรนลง 

วันที่ 13 มิ.ย. NASDAQ อยู่ที่ 10,809.23 จุด ลดลง –530.79 จุด หรือ 4.68% จำนวนหุ้นที่ซื้อขายใน NASDAQ มากกว่า 5.69 พันล้าน ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ นั้น มีหุ้น 9 ตัวทำจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ และมีหุ้นทั้งหมด 954 ตัวที่ทำจุดต่ำสุด 

ในวันที่ 27 ก.ค. Nasdaq พุ่งขึ้น 4.06% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020 เนื่องจากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ไว้ และความคิดเห็นของ Jerome Powell ประธานของเฟด ให้นักลงทุนบางส่วนคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง 

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 13 ก.ย. ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 5.16% ซึ่งหนึ่งวันก่อนหน้านี้ หุ้นกลุ่มไอทีดิ่งลง สะท้อนถึงการร่วงลงของดัชนี Nasdaq Composite ที่มีเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่  ที่เกิดหลังจากมีข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกิดคาดทำให้การลงทุนอยู่ในสภาวะที่มีความเสี่ยงสูง (risk-off) 

ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 Nasdaq เพิ่มขึ้นอีกครั้ง 4.41% ปิดเหนือ 11,000 เพิ่มขึ้น 484.22 จุด ปิดที่ 11,468 จุด 

ดัชนีดาวโจนส์ 

ในช่วงต้นปี 2022 วันที่ 25 ก.พ. ดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2.51% ขณะที่ วลาดิมีร์ ปูตินประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ทำการกระชับอำนาจในยูเครน ดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เมื่อปูตินเรียกร้องข้อตกลงให้ยูเครนละทิ้งความพยายามเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ (NATO) 

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ดาวโจนส์พุ่งขึ้น 380 จุดในช่วงสั้น ๆ วันอังคาร เนื่องจาก Home Depot และ Walmart ประกาศรายงานผลประกอบการ ก่อนหน้าที่ตลาดจะเปิดในวันอังคาร หุ้น Twitter ร่วงลง หลังมีความคิดเห็นของ Elon Musk ทำให้ผู้คนต่างสงสัยว่าเขาจะเข้าซื้อกิจการมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์หรือไม่ และ Jerome Powell ประธานเฟด มีกำหนดที่จะพูด่ในงาน Future of Everything Festival ของ The Wall Street Journal ในวันนี้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่ Dow ก็ร่วงลง 3.57% ในวันนี้ด้วย 

หลังจากนี้ ดาวโจนส์ก็พุ่งขึ้น 2.43% ในวันที่ 19 ก.ค. ในขณะที่หุ้นอื่นๆ ก็ทำกำไรได้เป็นวงกว้าง Twitter ทำกำไรหลังจาก Elon Musk ผู้เป็น CEO ของ Tesla แพ้การประมูล ยิ่งไปกว่านั้น Netflix พุ่งขึ้นก่อนจะทำรายได้ ในขณะที่ Apple และ Goldman Sachs เป็นหนึ่งในหุ้นบลูชิพ (blue-chip) ที่ทำกำไรได้ในวันนั้น 

ในไตรมาสที่ 3 วันที่ 13 ก.ย. 2022 หุ้นสหรัฐเปิดลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนตอบรับต่ออัตราเงินเฟ้อของเดือนสิงหาคมที่แข็งแกร่งเกินคาด ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 500 จุด หรือคิดเป็น 1.7% ไม่นานหลังจากเปิดตลาด ซึ่งนำไปสู่การลดลงถึง 3.94% ในวันเดียวกัน 

ในช่วงปลายปี Dow Jones เพิ่มขึ้น 3.7% หรือมากกว่า 1,200 จุด ขึ้นไปสู่ระดับ 33,715.37 จากหุ้นเอเชียที่พุ่งขึ้น หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ผ่อนคลายลงมากกว่าที่คาดไว้ กระตุ้นความหวังว่าเฟดอาจผ่อนคลายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 

เกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ของผลตอบแทนจำแนกตามรายเดือน 

ผลงานของดัชนี S&P 500 นั้นแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละเดือนในปี 2022 มีช่วงหนึ่งที่ดัชนีมีการขยับขึ้น-ลงมากกว่า 10% ในช่วงเวลาสองสามเดือน ซึ่งแสดงถึงความผันผวนที่ค่อนข้างสูง ข้อมูลด้านล่างนี้จะเป็นข้อมูลเกณฑ์มาตรฐานผลตอบแทนที่จำแนกตามรายเดือนของดัชนี S&P 500 ในปี 2022 นี้

จากข้อมูลรายเดือนที่แสดงนี้ นักลงทุนมักจะเกิดอคติแบบเข้าข้างตัวเองจนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและอ่านจังหวะของตลาดผิด แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วเดือนธันวาคมจะเป็นเดือนที่มีจังหวะตลาดดีตามฤดูกาล แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าตลาดจะฟื้นตัวได้ก่อนสิ้นปี 

ภาคส่วนอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงมากในปี 2022 

เนื่องจากหมวดพลังงานเป็นเซคเตอร์ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในปี 2022 จึงไม่แปลกใจเลยที่หุ้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดหลายตัวจะเป็นหุ้นด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีเลเวอเรจมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ และสามารถทำกำไรได้น่าตื่นเต้นน เช่น Scorpio Tankers ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 300% เมื่อเทียบ YTD ซึ่งในบรรดาบริษัทใน S&P 500 ที่รู้จักกันดี ต่อไปนี้คือบางส่วนของดัชนีที่เปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในปี 2022: 
 

สิ่งที่ควรเฝ้าระวังในปี 2023 ที่จะถึงนี้

1. ท่าทีของเฟดที่อาจทำให้หุ้นในวอลล์สตรีทดิ่งลง 

ข้อกังวลที่สำคัญที่สุดสำหรับวอลล์สตรีทน่าจะเป็นการจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพราะธนาคารกลางของประเทศไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในตลาดหุ้นที่ดิ่งลงเหวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ 

ปัญหาที่เป็นที่ทราบกันดีของเฟดคือเป็นหน่วยงานที่มีปฏิกิริยาตอบโต้และขับเคลื่อนด้วยข้อมูลย้อนหลังที่เกิดขึ้นแล้วมากกว่าที่จะปรับนโยบายการเงินในเชิงรุก ทำให้มีแนวโน้มที่บางครั้งการบังคับใช้นโยบายขึ้นหรือลดดอกเบี้ยอาจเป็นเชิงบวกหรือเชิงลบมากเกินกว่าความเป็นจริงได้ 

หากเฟดยังยึดมั่นกับอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2023 ในตอนแรก โดยที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนแบบเรียลไทม์ เราก็น่าจะเห็นรายได้ของเหล่าบริษัทต่างๆ ในดัชนีดิ่งลงอย่างมากในปีหน้า 

2. ภาวะเศรษฐกิจถดถอยราวกับใส่เกียร์ “R” 

ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งของตลาดหุ้นในปี 2023 คือ แนวโน้มภาวะถดถอยของสหรัฐฯ หรือทั่วโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ  

 เมื่อเส้นระดับอัตราผลตอบแทนของอัตราดอกเบี้ยเกิดแนวโน้มกลับด้าน ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวที่กำลังจะครบกำหนดอายุไถ่ถอนนั้นให้ผลตอบแทนต่ำกว่าพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 6 ถึง 18 เดือนข้างหน้านี้ 

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ค่าความผกผันระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี มีค่ามากขึ้นจนแตกต่างกันมากที่สุดในรอบ 40 ปี นั่นเป็นคำเตือนที่ชัดเจนว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจก่อตัวขึ้น 

 หากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้นจริงในสหรัฐอเมริกาในปี 2023 ตลาดสามารถมั่นใจได้เลยว่ารายได้ขององค์กรมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีทยังไม่ได้ประเมินราคาอย่างเต็มที่จากผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 

3. ราคาบ้านดิ่งลง 

ความเสี่ยงของตลาดหุ้นในปี 2023 ข้อที่ 3 คือเรื่องปัญหาของตลาดการเคหะ (housing market) ปัญหาคือหากราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ อาจจะทำให้เกิดวิกฤตราคาดิ่งลงตามมาในปีหน้า 

นักลงทุนไม่จำเป็นต้องมองเหตุผลไกลตัวเลยว่าทำไมอุตสาหกรรมตลาดการเคหะถึงมีปัญหา หลังจากช่วงที่อัตราการจำนองมีความน่าพอใจมามากกว่าสิบปี นโยบายของเฟดทำให้อัตราการจำนองบ้าน 30 ปีพุ่งขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี การพูดว่าผู้ซื้อบ้านสามารถจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่ต่ำได้ดูจะเป็นการพูดที่ไม่อยู่ในความเป็นจริงไปหน่อย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย 30 ปีอยู่ที่ประมาณ 7% และภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงขึ้น การซื้อบ้านควรจะเป็นสิ่งน่าทำน้อยที่สุดในปีหน้า 

ปัญหาที่ใหญ่กว่าอัตราดอกเบี้ยคือ ถ้าหากราคาบ้านดิ่งลง 20% 30% หรืออาจถึง 40% ของตลาดก่อนหน้านี้ อาจเป็นเหตุผลทางการเงินที่สมเหตุสมผลที่ให้ผู้ซื้อบางรายปฏิเสธที่จะกู้เงิน แทนการจ่ายค่าจำนองรายเดือนให้กับสินทรัพย์ที่มูลค่าลดลงอย่างฮวบฮาบ และหากเกิดขึ้นจริงๆ ผู้ที่ให้กู้เงินอาจจะต้องเผชิญปัญหาที่น่าเจ็บปวด 

4. เศรษฐกิจจีน 

จีนได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นความเคลื่อนไหวของจีนในแต่ละครั้งจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อนักลงทุนในปี 2023 

ในแง่หนึ่ง นโยบาย zero-COVID ของจีนไม่เหมาะสำหรับเศรษฐกิจโลก หากจีนยังคงบังคับใช้นโยบายนี้ในระยะยาวก็อาจจะส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตและการเติบโตของประเทศอย่างมาก 

 สิ่งนี้จะส่งผลต่อไปยังปัญหาซัพพลายเชนของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง 

ถึงกระนั้นในทางกลับกัน หากจีนผ่อนคลายนโยบาย COVID-19 และกลับสู่ภาวะปกติได้ เราอาจเห็นความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนกลับมาปะทุอีกครั้ง เพราะในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามบริษัทเซมิคอนดักเตอร์หลายแห่งส่งออกชิปและหน่วยประมวลผลไปยังประเทศจีน 

| เกี่ยวกับ Doo Prime    

เครื่องมือการซื้อขายของเรา     

หลักทรัพย์ | ฟิวเจอร์ส| ฟอเร็กซ์ | โลหะมีค่า | สินค้าโภคภัณฑ์ | ดัชนีหุ้น    

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน     

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก     

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 10 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ     

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก    
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ     

โทรศัพท์     

ยุโรป : +44 11 3733 5199    
เอเชีย : +852 3704 4241    
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415    
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539      

อีเมล    
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]    
ฝ่ายขาย [email protected]    

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)            

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)          

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต           

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้          

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้   

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย     

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง 

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย    

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล  

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

S&P 500 สูงขึ้นจากความเห็นเฟด นักวิเคราะห์เตือนอาจเกิด Pullback

ราคาประจำสัปดาห์ที่ผ่านมาของ S&P 500 ปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจที่สุดของปี 2024 โดยทำลายสถิติการลงติดต่อกันสองสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อย่างน่าทึ่ง  การฟื้นตัวของวอลล์สตรีทได้รับแรงหนุนมาจากคำมั่นของธนาคารกลางสหรัฐที่ย้ำว่าจะดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยลดความกังวลของนักลงทุน  ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อ การตอบสนองอย่างใจเย็นของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อตลาด  แนวโน้มเชิงบวกและการเก็งกำไร  แม้ว่าตลาดหุ้นในวันศุกร์จะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่แนวโน้มโดยรวมของสัปดาห์นี้ยังคงเป็นบวกอย่างปฏิเสธไม่ได้  การเก็งกำไรต่อการลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นได้ในต้นเดือนมิถุนายนได้กระตุ้นให้แรงซื้อในตลาด ส่งผลให้เป็นสัปดาห์ที่ S&P 500 พุ่งขึ้นมากกว่า 2%  ภาวะกระทิงที่แข็งแรงนี้กระตุ้นให้นักวิเคราะห์ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ และจุดประกายให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับโอกาศในการสะสมของราคาหรือการ Pullback ในระยะสั้น  David Lefkowitz จาก UBS Global Wealth Management เน้นว่า เมื่อพิจารณาจากความเชื่อมั่นและตำแหน่งของราคาที่อยู่ในระดับที่สูง การ Pullback เล็กน้อยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็เป็นไปได้ สถานการณ์ดังกล่าวอาจเปิดโอกาสที่น่าสนใจให้กับนักลงทุนในการซื้อหุ้นเพิ่มเติม  อิทธิพลของธนาคารกลางสหรัฐ  เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจยังคงผสมผสาน นักลงทุนควรติดตามแถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐอย่างใกล้ชิด  ความคิดเห็นของพาวเวลล์ในงาน “Fed Listens” ไม่ได้พูดถึงนโยบายการเงินอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกัน Michael Barr รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของ Fed ได้บอกเป็นนัยถึงการปรับเปลี่ยนข้อเสนอซึ่งมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มเงินทุนสำหรับผู้ปล่อยกู้  ผลการดำเนินงานของตลาด  S&P 500 ปิดต่ำกว่าราคา […]

2024-3-26 | บทความวิเคราะห์ตลาด

หุ้นเทคเจอแรงขาย ความคาดหวังการประชุมเฟดทำตลาดหุ้นผันผวน

หุ้นเจอกับแรงขายอย่างหนักท่ามกลางความเหวี่ยงที่ผันผวน  หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาความผันผวนของตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มที่จะลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขายหุ้นในภาคเทคโนโลยี ความผันผวนของตลาดถูกขยายเพิ่มเติมโดยการหมดอายุของสัญญาออปชั่นที่เรียกว่า Triple Witching  เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในหมู่เทรดเดอร์ เนื่องจากสัญญามูลค่า 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะหมดอายุ ทำให้เกิดความท้าทายในการคาดการณ์ทิศทางของตลาด ตามที่นักวิเคราะห์เตือน  การคาดการณ์นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการตอบสนองของตลาด  ความคาดหวังเกี่ยวกับการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐก็มีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นของตลาดเช่นกัน การคาดเดาเกี่ยวกับขอบเขตของการผ่อนคลายดอกเบี้ยจะส่งสัญญาณถึงปี 2567 ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ  ทั้ง S&P 500 และ Nasdaq 100 เกิดแรงขาย โดย Adobe Inc. รายงานแนวโน้มยอดขายที่ซบเซา แม้ว่า Nvidia Corp. จะได้รับผลกำไรจากงานประชุม AI  ความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ท่ามกลางตัวเลขทางเศรษฐกิจ  ในขณะเดียวกัน พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเผชิญกับสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดของปี ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเผยให้เห็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างที่ไม่คาดคิด ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล  การเก็งกำไรและการปรับความคาดหวังในการลดอัตราดอกเบี้ย  การเก็งกำไรเกี่ยวกับการตัดสินใจในอนาคตของ Fed ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เทรดเดอร์ต้องปรับเปลี่ยนการเดิมพันต่อจังหวะเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น  นักเศรษฐศาสตร์ได้แก้ไขการคาดการณ์ โดยขณะนี้คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 อยู่ที่ 75 จุด ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 125 […]

2024-3-19 | บทความวิเคราะห์ตลาด

เทรดเดอร์กังวลหุ้นร่วง พร้อมตัวเลขการจ้างงานออกมาผสมผสาน 

ผลกระทบจากตัวเลขการจ้างงานแบบผสมผสาน  หุ้นสหรัฐฯ ในวอลล์สตรีทมีแนวโน้มขาลง เนื่องจากเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าแนวโน้มขาขึ้นที่เกิดติดต่อกันหลายครั้งนี้ อาจเป็นการเคลื่อนไหวที่เลยเถิดเกินไป การลดลงเกิดขึ้นพร้อมกับการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่ออกมาแบบผสมผสาน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน  ตัวเลขรายงานการจ้างงาน  ตามรายงานของสำนักงานสถิติแรงงาน การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว แต่ควบคู่ไปกับการปรับลดตำแหน่งงาน 167,000 ตำแหน่งจากสองเดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกันอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% สู่ระดับสูงสุดในรอบสองปี  จุดอ่อนของภาคเทคโนโลยีและโมเมนตัมของตลาด  ความอ่อนแอในภาคเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่าง Nvidia และ Tesla  มีส่วนทำให้ตลาดโดยรวมลดลง ความกังวลเกิดขึ้นว่าตลาดีมีแรงซื้อมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการเพิ่มขึ้นของ S&P 500 ในปัจจุบัน ส่งผลให้นักวิเคราะห์ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของหุ้น  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 1.2% ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ร่วงลง 0.9% และ 0.3% ตามลำดับ   และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 Index  Last  Change  %Change  DOW JONES   […]

2024-3-11 | บทความวิเคราะห์ตลาด