ซาอุฯอาจหั่นราคาขายน้ำมันให้เอเชียต่ำสุดรอบ 10 เดือน เหตุดีมานด์จีนลด

2022-11-29 | commodities , Current Affairs , Forex , Securities

ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกอาจปรับลดราคาน้ำมันดิบสำหรับส่งออกไปยังตลาดเอเชียในเดือนม.ค. หลังจากการซื้อขายในตลาดสปอตของตะวันออกกลางซบเซาลงจากความกังวลด้านอุปสงค์ที่ชะลอตัวในจีนและปริมาณน้ำมันดิบรัสเซียที่เพิ่มสูงขึ้นในเอเชียหลังวันที่ 5 ธ.ค.

ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) สำหรับราคาน้ำมันดิบประเภท Arab Light ลงประมาณ 2 ดอลลาร์/บาร์เรลจากเดือนที่แล้ว ตามการเปลี่ยนแปลงราคาของตลาดน้ำมันดูไบ ซึ่งการปรับลดราคาน้ำมันในครั้งนี้จะทำให้ราคาน้ำมันในเดือนม.ค. 2566 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน

อ้างอิง อินโฟเควสท์

ตลาดสกุลเงินเอเชียปรับตัวขึ้น จับตามองสถานการณ์ในจีน

Investing.com– สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการขาดทุนล่าสุดในวันอังคาร แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณที่จะเข้มงวดต่อไป โดยจุดสนใจมุ่งไปที่การประท้วงที่เกี่ยวข้องกับโควิดในจีนและการแก้ปัญหาของทางรัฐบาล

เงิน หยวนจีน เพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 7.1792 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบสามสัปดาห์ในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ค่าเงิน หยวนในต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 0.8%

อ้างอิง Investing.com

ทองร่วงต่ำกว่า 1,750 ดอลลาร์ ทองแดงทรงตัว

Investing.com — ราคาทองคำร่วงลงต่ำกว่าระดับแนวรับสำคัญในวันอังคาร หลังจากความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากเจ้าหน้าที่เฟด ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในขณะที่ราคาทองแดงทรงตัวเนื่องจากตลาดกำลังรอดูสถานการณ์เพิ่มเติมในจีน

เจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดแห่งเซนต์หลุยส์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าเฟดมี “แนวทาง” ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอาจคงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงปี 2024 เพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนี้เขายังย้ำมุมมองของเขาว่าอัตราดอกเบี้ยจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีก 1% เป็นระหว่าง 5% ถึง 5.25%

อ้างอิง Investing.com

หุ้นไทยวันนี้ (29 พ.ย. 65) ปิดตลาดภาคเช้า +7.90 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,625 จุด

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (29 พ.ย. 65) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,624.81 จุด ปรับขึ้น +7.90 จุด หรือคิดเป็น +0.49% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 33,445 ล้านบาท เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1,613.87-1,625.67 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ AURA PTTEP และ KBANK

ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับขึ้น +6.50 จุด คิดเป็น +0.66% อยู่ที่ 986.03 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 17,224 ล้านบาท เทียบเป็นราว 51.50% ของมูลค่าซื้อ-ขายในตลาด SET

อ้างอิง ประชาชาติธุรกิจ

เงินบาทเปิด 35.78 อ่อนค่า กังวลสถานการณ์โควิดในจีน จับตา Flow สิ้นเดิอน-ตัวเลขศก.สหรัฐ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.78 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.55 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าจากท้ายตลาดวานนี้ หลังจากที่เมื่อคืนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โควิดในจีนที่ส่ง ผลต่อ sentiment ของตลาด รวมทั้งกรณีที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่าจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ต่อไปอีก และมองว่าตลาดประเมินการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่ำไป จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) เด้งขึ้น ส่งผลให้ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุล

อ้างอิง อินโฟเควสท์

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป