สร้างโอกาสที่ไม่สิ้นสุดด้วยเลเวอเรจ 1,000 เท่าของ Doo Prime

2022-11-23 | #forex #currentaffair #securities #commodities

Doo Prime ได้เพิ่มตัวเลือกเลเวอเรจอย่างเป็นทางการให้เทรดเดอร์ทุกท่านจาก 1:500 เป็น 1:1000 สำหรับบัญชีทุกประเภทตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน 2022 เพื่อตัวเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้เทรดเดอร์ทั่วโลกมีโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากผลกำไรได้สูงขึ้นด้วยต้นทุนที่น้อยลง และขยายโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมได้ 

*หมายเหตุ: โปรดดูรายละเอียดการปรับเลเวอเรจได้ที่ด้านล่างเพจ 


รายละเอียดการปรับเลเวอเรจ 

เริ่มตั้งแต่เวลา: 00:00 น. ของวันที่ 19 พฤศจิกายน 2022 (GMT+2) 

ประเภทบัญชีที่มีผล: บัญชี CENT, บัญชี STP Standard และบัญชี ECN Professional 

โปรดสังเกตเงื่อนไขข้อจำกัด: 

1.เนื่องจากตลาดจะมีความผันผวนเมื่อเกิดเหตุการณ์หรือมีข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจ ตราสารอนุพันธ์ทางการเงินอาจสร้างความเสียหายจำนวนมากในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ ซึ่งอาจเกินกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นของนักลงทุน ดังนั้น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ที่สำคัญของตนเอง เราขอแนะนำให้นักลงทุนติดตามประกาศที่เกี่ยวข้อง และอาจปรับเลเวอเรจในภายหลังเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น 

2.บริษัทของเราขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเลเวอเรจ หากเราพบว่าลูกค้าแสดงพฤติกรรมการซื้อขายใดๆ ที่เป็นการใช้เลเวอเรจในทางที่ผิด 

เลเวอเรจคืออะไร ?

เลเวอเรจเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มเงินลงทุนของตนให้มากขึ้นโดยขยายความเสี่ยงในตลาดการเงิน ขณะเดียวกันก็ลงทุนด้วยเงินที่น้อยลงได้ คุณจะสามารถเริ่มเทรดได้ด้วยการยืมเงินจากดีลเลอร์โดยฝากเงินเข้ามาด้วยเงินที่น้อยกว่ามาร์จิ้นที่คุณมี จากนั้นจึงเลือกเลเวอเรจที่เหมาะสม 

แล้วเลเวอเรจมีหลักการอย่างไร?

ก่อนที่คุณจะเริ่มเทรด คุณต้องเตรียมมาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin) ซึ่งเป็นเงินมาร์จิ้นขั้นต่ำที่จำเป็นในการเปิดโพสิชั่น โดยโพสิชั่นที่มีจำนวนเงินเท่ากัน ถ้ายิ่งเลเวอเรจมากเท่าไร เราก็จะใช้มาร์จิ้นต่อการเทรดน้อยลงเท่านั้น และก็จะมีฟรีมาร์จิ้นมากขึ้นด้วย สิ่งนี้ช่วยให้คุณเพิ่มความเสี่ยงเพื่อรับผลกำไรที่มากขึ้นได้ 

ดังนั้น เมื่อใช้เลเวอเรจที่้เหมาะสม นอกจากจะทำให้เราไม่ต้องใช้เงินต้นในการเทรดมากแล้ว เรายังสามารถใช้เงินส่วนทื่เหลืออยู่เพื่อหวังผลการลงทุนที่มากขึ้นได้ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้เงินทุน ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อขายชอร์ตเมื่อสภาพตลาดตกต่ำได้ 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เลเวอเรจสามารถขยายทุนสำรองที่คุณมี ยิ่งคุณมีเลเวอเรจมาก คุณก็จะยิ่งมีโอกาสการลงทุนที่ยืดหยุ่นตามความต้องการได้มากขึ้น! 

ใช้เลเวอเรจให้เกิดประโยชน์เพื่อความยืดหยุ่นในการลงทุน 

ตอนนี้ Doo Prime ได้เสนอเลเวอเรจที่สูงถึง 1,000x เพื่อความยืดหยุ่นในการเลือกเลเวอเรจและเปิดโพสิชั่นเต็มด้วยมาร์จิ้นที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลกำไรที่เป็นไปได้ให้่มากกว่าการเทรดโดยที่ไม่มีเลเวอเรจ 

ถ้าเราเทรดโดยที่ไม่มีเลเวอเรจ จำนวนเงิน USD1 สามารถซื้อขายตราสารอนุพันธ์ได้ USD1 เท่านั้น ในขณะที่ถ้าเราใช้เลเวอเรจ เงินจำนวน USD1 จะสามารถซื้อขายตราสารอนุพันธ์ได้ที่มูลค่ามากกว่า USD1 ได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือกเลเวอเรจสูงสุดที่ 1:1000 คุณจะสามารถเทรดได้สูงสุดที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยเงินต้นราคาเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลานี้ ผลกำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นจะถูกคูณด้วยอัตราส่วนนี้ 

ตัวอย่างเช่น: สมมติว่าคุณเลือกที่จะเทรดด้วยเลเวอเรจ 1,000x กับ Doo Prime โดยหวังให้ได้ขนาดพอร์ตลงทุน 100,000 เหรียญสหรัฐ คุณจะต้องใช้เงินมาร์จิ้นเปิดโพสิชั่นเพียงแค่ 100 เหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น 

คำนวณจาก: USD100,000*(1/1000) = USD100 

ตารางต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นว่าการใช้เลเวอเรจในเปอร์เซ็นต์ที่ต่างกันจะส่งผลต่อพอร์ตของคุณอย่างไรเมื่อการลงทุนเริ่มต้นอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ: 

ทั้งนี้ แม้ว่าเลเวอเรจจะทำให้เราได้กำไรหรือขาดทุนได้มากกว่าปกติ เราก็สามารถใช้เครื่องมือเพื่อจัดการความเสี่ยงที่หลากหลายเพื่อลดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น: 

1. คำสั่ง Stop Loss 

ด้วยการรับประกันการปิดที่ขาดทุน (Guaranteed stop loss) และ Stop Loss พื้นฐาน คุณสามารถจ่ายเบี้ยปันผลเพิ่มเล็กน้อยสำหรับการป้องกัน Stop Loss 100% แม้ว่าจะมีช่วงราคาที่คลาดเคลื่อนหรือ Slippage ก็ตาม 

2. คำสั่ง Take Profit 

โพสิชันของคุณจะถูกปิดโดยอัตโนมัติเมื่อถึงราคาที่คุณกำหนดไว้ ดังนั้นกำไรของคุณจะปลอดภัยโดยไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาด 

3. การป้องกันยอดคงเหลือติดลบ 

หากเงินส่วนของเจ้าของ (Equity) ในบัญชีคุณติดลบ เนื่องจากความผันผวนของตลาด Doo Prime จะชดเชยส่วนที่ติดลบของการขาดทุน เพื่อให้การขาดทุนสูงสุดของคุณจำกัดอยู่ในวงเงินที่ลงทุนตอนแรกเท่านั้น 

สิ่งที่สำคัญที่สุด เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าเลเวอเรจเป็นเพียงเครื่องมือการซื้อขายเท่านั้น และปริมาณเลเวอเรจไม่ส่งผลต่อระดับความเสี่ยงของการลงทุน แต่ผลกำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับความรู้และกลยุทธ์การซื้อขายของเทรดเดอร์เอง

 

| เกี่ยวกับ Doo Prime 
 

เครื่องมือการซื้อขายของเรา  

หลักทรัพย์ | ฟิวเจอร์ส| ฟอเร็กซ์ | โลหะมีค่า | สินค้าโภคภัณฑ์ | ดัชนีหุ้น 

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน  

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก  

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 10 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ  

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก 

 
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ  

โทรศัพท์  

ยุโรป : +44 11 3733 5199 
เอเชีย : +852 3704 4241 
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415 
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539   

 
อีเมล 
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected] 
ฝ่ายขาย [email protected] 
 

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง 

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย  

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง 

 
ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย 

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป