สรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565

2022-07-15 | Current Affairs , ข่าวสารการลงทุน

This image has an empty alt attribute; its file name is ข่าวอันใหม่.jpg

— ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี หลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ธนาคารมีกำไรในไตรมาส 2 ลดลง 28% สู่ระดับ 8.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.76 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าระดับ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.78 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารต้องกันสำรองหนี้สูญจำนวน 428 ล้านดอลลาร์

ส่วนธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.4 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าระดับ 3.4 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.85 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากรายได้ที่อ่อนแอในธุรกิจวาณิชธนกิจ

— ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแตะระดับ 1.000 เทียบยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซน

ณ เวลา 20.15 น. เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.57% สู่ระดับ 1.000 เทียบยูโร

— สำนักงานของนายมหินทา อเบย์วรรธนะ ประธานรัฐสภาศรีลังกาเปิดเผยว่า นายมหินทาได้รับจดหมายลาออกจากตำแหน่งของนายโคฐาภยะ ราชปักษะ ประธานาธิบดีศรีลังกา และจะมีการประกาศการลาออกของประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันนี้ หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทางนิติบัญญัติ

— นายมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าวว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่พรรค Five Star Movement ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการลงคะแนนไว้วางใจต่อนโยบายรัฐบาลที่มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงเช้านี้

อย่างไรก็ดี นายแซร์โจ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี ได้ปฏิเสธคำขอลาออกของนายมาริโอ ดรากี เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดวิกฤติทางการเมืองซึ่งอาจส่งผลกระทบหนักต่อตลาดเงิน

— กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 97,788 ราย โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 90,000 รายเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 7

การแพร่ระบาดดังกล่าวส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมของญี่ปุ่นพุ่งทะลุ 10 ล้านราย

— กระทรวงสาธารณสุขอินเดียออกแถลงการณ์ยืนยันการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงเป็นครั้งแรกที่รัฐเกรละทางใต้ของประเทศ

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินทางมายังรัฐเกรละเมื่อวันที่ 12 ก.ค. และเมื่อพบว่าติดเชื้อฝีดาษลิง รัฐบาลก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มายังรัฐเกรละเพื่อช่วยในการสอบสวนหาสาเหตุของการระบาด

— Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 564,597,230 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 6,380,224 ราย

— สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 244,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 234,000 ราย นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่สูงกว่าระดับ 230,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน และสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนพ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 11.3% หลังจากดีดตัวขึ้น 10.9% ในเดือนพ.ค.

— สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ ทางการจีนเตรียมรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565 เวลา 09.00 น. ตามเวลาไทย

สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 1% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายปี โดยต่ำกว่าระดับ 4.8% ในไตรมาส 1 และเป็นการขยายตัวอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ที่เศรษฐกิจหดตัวลง 6.9% ในไตรมาส 1/2563 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจีนหดตัวลง 1.5% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากที่มีการขยายตัว 1.3% ในไตรมาสแรก

จากนั้นสหรัฐจะรายงานยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.ค.จากเฟดนิวยอร์ก และราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิ.ย. เวลา 19.30 น.

ต่อด้วยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. เวลา 20.15 น. และปิดท้ายด้วยสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน เวลา 21.00 น.

อ้างอิง อินโฟเควสท์

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป