เงินบาทเปิด 33.14 แข็งค่ารอบ 10 เดือนสอดคล้องภูมิภาค รับข่าวเงินสหรัฐชะลอตามคาด

2023-01-13 | commodities , Current Affairs , Forex , Securities

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.14 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.36 บาท/ดอลลาร์

บาทเช้านี้แข็งค่าจากเย็นวาน สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเมื่อคืนนี้ สหรัฐฯ รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ออกมาลดลงต่อเนื่องเป็นไปตามที่ตลาดคาด ประกอบกับราคาทองคำตลาดโลก บวกขึ้นไป เกือบ 20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งอาจทำให้มี flow จากฝั่งส่งออกทองคำ

อ้างอิง อินโฟเควสท์

จีนส่งออก-นำเข้าร่วงในเดือนธ.ค. เหตุดีมานด์และการบริโภคชะลอตัว

สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ (13 ม.ค.) ว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ของจีนร่วงลง 9.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะลดลง 10% หลังจากที่ลดลง 8.7% ในเดือนพ.ย.

ส่วนยอดนำเข้าเดือนธ.ค.ของจีนร่วงลง 7.5% เนื่องจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศซบเซาลง อันเป็นผลมาจากการที่ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากยอดติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงหลังจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19

อ้างอิง อินโฟเควสท์

ทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 หลังเผยเลข CPI หนุนตลาด

Investing.com — ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อยในวันศุกร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันด้านราคาผ่อนคลายลงตามที่คาดไว้ในเดือนธันวาคม ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในขนาดที่ช้าลงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ

ราคาทองแดงก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันในวันศุกร์ และกำลังมุ่งหน้าสู่สัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบกว่าสองเดือน ท่ามกลางการมองโลกในแง่ดีที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจอีกครั้งในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่

อ้างอิง Investing.com

น้ำมันทรงตัว คาดอยู่ในแดนบวกรายสัปดาห์ หลังเงินเฟ้อผ่อนคลาย

Investing.com — ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงต้นของตลาดเอเชียเมื่อวันศุกร์ แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างรวดเร็วในสัปดาห์นี้ จากสัญญาณการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ขณะที่การมองโลกในแง่ดีต่อการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจของจีนก็กระตุ้นให้อุปสงค์ปรับตัวดีขึ้นในปี 2023

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดีหลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภค ของสหรัฐฯ ผ่อนคลายลงอีกในเดือนธันวาคมจากเดือนก่อนหน้า ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงสำหรับธนาคารกลางสหรัฐฯ 

อ้างอิง Investing.com

หุ้นไทยวันนี้ (13 ม.ค. 66) ปิดตลาดภาคเช้า -10.94 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,677 จุด

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13 ม.ค. 66) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,676.51 จุด ปรับลง -10.94 จุด หรือคิดเป็น -0.65% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 54,291 ล้านบาท เคลื่อนไหวในกรอบ 1,674.31-1,695.99 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ DELTA AOT และ PTT

ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับลง -8.53 จุด คิดเป็น -0.84% อยู่ที่ 1,003.27 จุด มูลค่าซื้อ-ขายรวม อยู่ที่ 32,333 ล้านบาท คิดเป็นราว 59.55% ของ SET ทั้งหมด

อ้างอิง ประชาชาติธุรกิจ

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป