เปิดตัว Truth Social หุ้นจะรักษาโมเมนตัมได้หรือไม่

2024-04-05 | DJT , Truth Social

ในวันแรกของการซื้อขายภายใต้สัญลักษณ์ใหม่ DJT หุ้นของ Trump Media & Technology Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเพิ่มขึ้นถึง 16% การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วประกอบกับราคาก่อนหน้านี้ที่ทำจุดสูงสุดที่ 50% ในช่วงเซสชั่นของวันอังคาร ตอกย้ำถึงความคาดหวังที่เพิ่มสูงขึ้นต่อการเปิดตัวของแพลตฟอร์ม 

การก้าวขึ้นของ DJT เกิดขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการกับ Digital World Acquisition Corp. (DWAC) ซึ่งเป็นเครื่องมือเฉพาะกิจที่มีการดำเนินงานในตลาดมาตั้งแต่ปี 2564 การอนุมัติการควบรวมกิจการครั้งนี้โดยผู้ถือหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ปูทางให้ Truth Social เข้าสู่อาณาจักรตลาดหลักทรัพย์ 

Wall Street Journal รายงานว่าราคาปิดที่ 57.99 ดอลลาร์สหรัฐในวันอังคารที่ผ่านมามีการประเมินมูลค่า Truth Social ของ Donald Trump จะมีมูลค่าเกือบเท่ากับของ U.S. Steel มูลค่าหลักทรัพย์ของ DJT เพิ่มขึ้นประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความกระตือรือร้นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวลือนี้ มีคำถามเกิดขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนของระดับราคา เมื่อเปรียบเทียบกับปัจจัยพื้นฐานของตลาด 

รูปแบบ “Trump and Dump” 

เมื่อตรวจสอบผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดในตลาดของ DJT เผยให้เห็นแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นได้ซึ่งมักเชื่อมโยงกับการเข้าซื้อกิจการบริษัทหรือ Special Purpose Acquisition Company (SPAC) การพุ่งขึ้นครั้งแรกของราคาหุ้นของ DJT สะท้อนถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ตลาดมักมีความคาดหวังเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ ซึ่งได้ผลักดันราคาให้ขึ้นสู่ระดับสูงสุด จากนั้นมักจะตามมาด้วยการชะลอตัวอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นาน 

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงรูปแบบ “Pump and Dump” ที่รู้จักกันทั่วไป ซึ่งนักลงทุนสร้างราคาหุ้นให้สูงขึ้นโดยใช้กลยุทธ์ที่ทำให้นักลงทุนใหม่เข้าใจผิด เพียงเพื่อขายหุ้นออกเมื่อราคาถึงจุดสูงสุดเท่านั้น แนวทางปฏิบัตินี้อาจนำไปสู่ความสูญเสียที่สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ไม่ระวังตัว 

เมื่อวิเคราะห์แบบละเอียด รูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นกับราคาของ DJT ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งบ่งบอกถึงการเก็งกำไรและการบิดเบือนของตลาด ดังนั้น นักลงทุนควรซื้อขายหุ้นของ DJT อย่างระมัดระวัง  โดยคำนึงถึงความเสี่ยงจากสภาวะตลาดที่ผันผวน 

การเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้น: Call Options และการเปลี่ยนแปลงของตลาด

ปริมาณของคอลออปชั่นที่มีมากขึ้นของ DJT ได้เพิ่มการเก็งกำไรของผลประกอบการณ์ของแพลตฟอร์มมากขึ้น แม้ว่าคอลออปชั่นจะบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นเชิงบวก แต่ปริมาณที่สูงผิดปกติในบริบทนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดที่อาจจะซ่อนอยู่ 

ในบางสถานการณ์ คอลออปชั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสามารถทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ที่ตรงข้ามกัน ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ในการปรับฐานราคา ข้อสังเกตนี้มีความสำคัญมากขึ้นเมื่อพิจารณาควบคู่ไปกับช่วงห้ามขายหุ้น เพราะในปัจจุบันมีการกำหนดข้อจำกัดสำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการขายหุ้นในอีกหกเดือนข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุปสงค์ที่มากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้การประเมินแนวโน้มราคาของ DJT มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น 

การประเมินมูลค่า 

เมื่อตรวจสอบพื้นฐานการเงินของ DJT ท่ามกลางตลาดที่มีการเก็งกำไรอย่างมากจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเปิดเผยล่าสุดเผยให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างรายได้ของ DJT ซึ่งรายงานอยู่ที่ 2.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 8.39 พันล้านดอลลาร์ 

Jay Ritter ศาสตราจารย์ด้านการเงินที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา เน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างราคาหุ้นของ DJT และมูลค่าที่แท้จริงในแถลงการณ์ที่ส่งถึง CNN เขาเน้นย้ำว่าหากหุ้นของบริษัทสะท้อนมูลค่าได้อย่างถูกต้อง “ราคาไม่สมควรอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐ แต่อยู่ที่ 2 เหรียญสหรัฐ” ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างราคาหุ้นและมูลค่าที่แท้จริงทำให้เกิดข้อกังวลอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังตอกย้ำถึงความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ต่อผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับหุ้น ยกตัวอย่างเหตุการณ์เช่น ทรัมป์อาจจะขายหุ้นส่วนใหญ่ของตนออกไป 

การประเมินราคาหุ้นของ DJT สูงเกินไปอย่างเห็นได้ชัดทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความยั่งยืนของระดับราคาปัจจุบัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้นดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่ตลาดจะปรับราคาหุ้นให้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงในที่สุด กระบวนการปรับฐานราคานี้อาจนำไปสู่การขายได้ โดยที่ราคาหุ้นสอดคล้องกับมูลค่าพื้นฐานของบริษัทมากขึ้น  

การลงทุนด้วยความรอบคอบ 

แม้จะมีความตื่นเต้นในช่วงแรกต่อการเข้าสู่ตลาดหุ้นของ Truth Social แต่นักลงทุนก็จำเป็นต้องใช้แนวทางซื้อขายอย่างระมัดระวัง นักลงทุนควรมองว่า DJT เป็นการลงทุนเชิงเก็งกำไรมากกว่าโอกาสระยะยาว ด้วยความโปร่งใสทางการเงินที่จำกัดและตัวชี้วัดการเติบโตที่ไม่แน่นอน การลงทุนใน DJT นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น การขยายฐานลูกค้าและจำนวนผู้ใช้ แต่ยังไม่ทราบแง่มุมของประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มในอนาคต 

บทสรุป 

แม้ว่าการเข้ามาของ Truth Social ในตลาดหุ้นถือเป็นก้าวสำคัญ แต่นักลงทุนที่รอบคอบก็ควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากแนวโน้มระยะยาวขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอนมากมาย ความรอบคอบจึงเป็นสิ่งจำเป็นก่อนที่จะพิจารณาลงทุนใน DJT 

การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาหุ้นของ DJT เมื่อเร็ว ๆ นี้อาจส่งสัญญาณถึงการเริ่มต้นของการเติบโตที่ยั่งยืน แต่ก็อาจเป็นจุดสูงสุดชั่วคราวที่ได้รับแรงหนุนมาจากการเก็งกำไรของตลาด เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ความสำเร็จของ Truth Social บนการแข่งขันของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักลงทุนที่จะต้องระมัดระวังและได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างดีเพื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนของ DJT ด้วยการใช้แนวทางการลงทุนอย่างรอบคอบและมีข้อมูล ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะวางตำแหน่งตัวเองได้ดีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกของผลการดำเนินงานของ Truth Social อย่างมีประสิทธิภาพ 


การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง          

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย          

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง      

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย          

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป