Search Mark
หน้าแรก / บทความวิเคราะห์ตลาด

ความกังวลของตลาดและอัตราการจ้างงานที่เติบโตช้าสุดในรอบปี


บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตัวลงเล็กน้อยในวันศุกร์ หลังจากมีการเปิดเผยรายงานการจ้างงานว่า
การการจ้างงานในเดือนกันยายนมีอัตราการเติบโตช้าที่สุดในปีนี้ ส่วนรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 194,000 (ประมาณ 500,000) ตำแหน่ง จากการปรับเพิ่มขึ้น 366,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.8% และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงที่สูงขึ้นที่ 0.6% ซึ่งนับได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน อัตราการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงานรวมอัตรากี่จ้างงานหรือกำลังมองหางานนั้นลดลง 0.1 จุด คิดเป็น 61.6%

ส่วนดัชนี S&P เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยจุดอ่อน แต่ผู้ซื้อ on dip ก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันตลาดขึ้นได้ใน 3 วันนี้ ส่วนข้อตกลงในการขยายวงเงินหนี้ในเดือนธันวาคมนี้จะอาจจะเกิดการรีบาวด์ขึ้น ข้อมูลการจ้างงานของ ADP นั้นแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งการเทขายออกของราคาก๊าซหลังจากที่ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียได้เสนอให้ตลาดพลังงานโลกอยู่ในระดับเสถียรภาพ

สรุปภาพรวมตลาดในวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ดังนี้ 

 มูลค่าปิดตลาด 
(จุด) 
ค่าการเปลี่ยนแปลง 
(จุด) 
คิดเป็น  
Dow Jones 34,746.25          -8.69          -0.03%
S&P 500        4391.34              -8.42           -0.19%
Nasdaq Comp 14579.54    -74.48          -0.51%
US 10Y             1.612%  
VIX     18.77-0.77-3.9%

เราเชื่อว่าช่วงสุดสัปดาห์จะช่วยให้ตลาดสามารถจัดการกับความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วง 5 วันที่ผ่านมา โดยคำนึงถึงข่าวทั้งหมดที่ก่อให้เกิดความผันผวนดังกล่าวเพดานหนี้ยังคงเป็นปัญหาในเดือนธันวาคม จากการขาดแคลนพลังงานทั่วโลกที่ยังคงเป็นความกังวล โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

แม้ว่าในรายงานการจ้างงานจะไม่ได้ไม่มีการแจ้งปัญหาที่อาจเกิดขึ้น แต่ธนาคารกลางสหรัฐก็อาจชะลอนโยบายการลดอัตราดอกเบี้ย จากความไม่เชื่อมั่นที่เกิดขึ้นกับสภาวะตลาด
ที่แม้ว่าจะหยุดทำระดับต่ำสุดใหม่ แต่ก็อาจเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนไป ด้วยอัตราผลตอบแทน 10 ปีที่ 1.61% ก็เป็นการยากที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่จะรักษาระดับที่สูงขึ้นต่อไป ดังนั้นจึงควรเตรียมพร้อมกับความผันผวนที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

อ้างอิง: CBOE, Reuters, Bloomberg
บทความโดย James Gomes ผู้คร่ำหวอดในวงการการเงินมากว่า 30 ปี โดยทำงานกับธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปี 


ประกาศความไม่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 

แม้ว่า DOO Group จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อรับรองความถูกต้องของเอกสารหรือบทความนี้ แต่จะไม่รับรองหรือรับประกันความถูกต้อง ความสมบูรณ์ หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้ และ DOO Group จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการใช้เอกสารหรือบทความนี้ เนื้อหาในเอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปและเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการศึกษาเท่านั้น ซึ่งบทความนี้ไม่ใช่และไม่ควรตีความว่าเป็นข้อเสนอในการซื้อหรือขาย หรือเป็นการชักชวนให้เสนอซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ออปชั่น พันธบัตรหรือเครื่องมือทางการเงินหรือการลงทุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เอกสารหรือบทคามนี้ไม่ควรใช้เป็นการแนะนำหรือให้การลงทุนหรือคำแนะนำอื่นใดเกี่ยวกับการซื้อ การขาย หรือการจำหน่ายตราสารทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หรือผลิตภัณฑ์ หลักทรัพย์ หรือการลงทุนอื่นใด การตัดสินใจลงทุนในเครื่องมือทางการเงิน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หลักทรัพย์หรือการลงทุนไม่ควรทำโดยอาศัยข้อความใด ๆ ในเอกสารนี้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินของตนเองโดยคำนึงถึงความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละคน และพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนดังกล่าวอย่างรอบคอบ

DOO Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจหรือการดำเนินการใด ๆ โดยอาศัยข้อมูลในเอกสารหรือบทความนี้ และในกรณีใด ๆ DOO Group และบริษัทในเครือจะไม่รับผิดต่อความเสียหายที่เป็นผลสืบเนื่อง ทั้งโดยบังเอิญ โดยอ้อม หรือผลคล้ายกันที่เกิดขึ้นจากความเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวข้องกับเอกสารหรือบทความนี้ แม้ว่าจะได้แจ้งถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวแล้วก็ตาม
เอกสารนี้หรือบทความนี้มีข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในเอกสารนี้อิงตามการคาดการณ์ในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการ ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อิงจากการวิเคราะห์ของ DOO Group จากสถิติที่มีอยู่ สมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวข้องกับการตัดสินที่เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในอนาคต การแข่งขันและตลาดในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์อย่างแม่นยำ เนื่องด้วยความไม่แน่นอนที่มีนัยสำคัญซึ่งมีอยู่ในข้อมูลเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในที่นี้ การรวมข้อมูลดังกล่าวไม่ควรถือเป็นการแสดงโดย DOO Group ว่าจะสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง DOO Group ขอแจ้งว่าให้ทราบว่าไม่ควรไว้วางใจในแถลงการณ์ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไป และไม่รับผิดชอบต่อการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ การแสดงความเห็นเป็นของผู้เขียนและอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

เอกสารนี้ถือเป็นความลับกับผู้อ่านและข้ออมูลนี้มีการจัดหาเพียงเพื่อข้อมูลเท่านั้นและไม่สามารถทำซ้ำ แจกจ่ายซ้ำ หรือส่งต่อ ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมไปยังบุคคลอื่นหรือเผยแพร่ทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ห้ามนำหรือส่งเอกสารนี้หรือสำเนาใด ๆ ไปยังสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา หรือแจกจ่ายโดยตรงหรือโดยอ้อมในสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา การแจกจ่ายเอกสารนี้ในเขตอำนาจศาลอื่นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมาย และบุคคลที่ครอบครองเอกสารนี้ควรแจ้งตนเองและปฏิบัติตามข้อจำกัดดังกล่าว การยอมรับรายงานนี้แสดงว่าคุณตกลงผูกพันตามคำแนะนำข้างต้น

แชร์ไปที่

บทความวิเคราะห์ตลาด

หุ้นพุ่งขึ้นท่ามกลางท่าที Dovish ของเฟดและตัวเลขงานที่อ่อนแอ 

S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนมาจากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐที่ Dovish มากขึ้นและข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาด  ความผ่อนคลายในหมู่นักลงทุนจากการประกาศของเฟดเมื่อวันพุธได้ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงมาจากความกังวลก่อนหน้านี้ที่ว่าธนาคารกลางอาจมีจุดยืนเชิงรุกมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ  ผลกระทบของรายงานการจ้างงานในสหรัฐฯ  นอกจากมุมมองเชิงบวกแล้ว รายงานการจ้างงานในสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมายังระบุว่าเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 อัตรา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญที่ 240,000 อัตรา โดยการเติบโตของค่าจ้างยังต่ำกว่าการคาดการณ์อีกด้วย ข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้นี้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในทางบวก  ปฏิกิริยาของตลาดต่อตัวเลขเศรษฐกิจ  ความคาดหวังของตลาดอยู่ในระดับสูงในช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากตลาดต่างรอคอยคำกล่าวของประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ โดยหวังว่าสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในนโยบายการเงิน  แม้ว่าคำกล่าวของพาวเวลล์จะเน้นไปที่อัตราเงินเฟ้อและตลาดแรงงานเป็นหลัก แต่รายงานการจ้างงานในเวลาต่อมาก็ตอกย้ำท่าทีที่อ่อนลงของเฟด  นอกจากนี้ ตัวเลขงานที่น่าผิดหวังยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ใกล้สู่ระดับแนวรับสำคัญที่ประมาณ 4.42/33% ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้  ผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ของตลาด  ด้วยแรงหนุนมาจากสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ดัชนีสำคัญๆ ทั้งหมดจึงสรุปผลเชิงบวกในสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.6% ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.1% และดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.4%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม […]

2024-5-7 | บทความวิเคราะห์ตลาด

ตลาดพุ่ง นักลงทุนมองภาคเทคในแง่ดี ความกลัวขึ้นดอกเบี้ยคลายลง

ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยถือเป็นผลการดำเนินงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้รับแรงผลักดันมาจากคำพูดเชิงบวกจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ซึ่งให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่าการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของพวกเขามีมุมมองเป็นบวก  ข้อมูลเงินเฟ้อที่นักลงทุนมองข้าม  แม้จะเผชิญกับข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด แต่นักลงทุนก็ดูเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลนั้น เทรดเดอร์บางรายเตรียมพร้อมสำหรับตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้น โดยมีข้อบ่งชี้ล่าสุดว่า Federal Reserve กำลังพยายามที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดจึงไม่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ  พันธบัตรรัฐบาล ความผันผวนของค่าเงิน และราคาทองคำ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแสดงผลการดำเนินงานแบบผสมผสาน โดยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวทำได้ดีกว่าระยะสั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงประมาณ 3 จุดมาอยู่ที่ 4.663%  ดัชนี Bloomberg Dollar Spot แข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 1.4% ใกล้ระดับ 158 เยนต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าของเยนในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนจับตาดูการแทรกแซงที่อาจเกิดขึ้นจากทางการญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด  นอกเหนือจากนี้ ราคาทองคำก็ขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงความสนใจอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน    สรุปการเคลื่อนไหวตลาดรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 2.7% ดัชนี Nasdaq Composite […]

2024-4-29 | บทความวิเคราะห์ตลาด

S&P 500 ร่วง ท่ามกลางการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และภาคเทคอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ตลาดหุ้นต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่โหดร้าย โดย S&P 500 ประสบพบกับผลการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 การลงครั้งนี้ได้รับแรงหนุนมาจากความวิตกกังวลในตลาด  ผลกระทบทางเศรษฐกิจและธนาคารกลางสหรัฐ  ประการแรก ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินความคาดหมาย บวกกับแถลงการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักจากธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยอาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานานขึ้น  สิ่งนี้ได้บั่นทอนแรงซื้อของนักลงทุนในตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีการเติบโต ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย  ประการที่สอง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้เพิ่มความไม่แน่นอนอีกชั้นหนึ่งให้กับตลาด  ปัจจัยลบในภาคเทคโนโลยี  การขายออกที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยี ที่ได้รับแรงกดดันมาจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังจากผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น ASML และ TSM  รายงานเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงฤดูกาลประกาศรายได้ที่กำลังจะมาถึงสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple และ Amazon นักลงทุนต่างคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งแต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการตอบสนองความคาดหวังสำหรับโครงการด้านปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา  ภาพรวมผลประกอบการรายสัปดาห์  ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 ลดลง -3.1% ดัชนี Nasdaq Composite ที่เน้นด้านเทคโนโลยีลดลง -5.5% และดัชนีบลูชิป Dow ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ +0.01%  และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนีในวันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 Index  Last  Change  %Change  DOW […]

2024-4-22 | บทความวิเคราะห์ตลาด