ทองคำ vs บิตคอยน์: อะไรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2025? 

2025-07-03 | ทองคำ , บิทคอยน์ , ปริมาณเงิน M2 , พลวัตของตลาด , สินทรัพย์ปลอดภัย , เจาะลึกตลาดรายสัปดาห์ , เฟด

เมื่อพูดถึงการป้องกันความผันผวนของตลาด มีสินทรัพย์อยู่สองประเภทที่โดดเด่น: ทองคำและบิตคอยน์ หนึ่งในนั้นได้รับความไว้วางใจมานานนับพันปี ส่วนอีกตัวแม้จะอายุน้อยแต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโลกการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างน่าทึ่ง 

และในตอนนี้ ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เริ่มคลี่คลายลง และตลาดต่างจับตาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพาวเวลล์ สินทรัพย์ทั้งสองนี้ก็กลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในการดึงดูดเงินลงทุน 

แล้วอะไรจะกลายเป็น “หลุมหลบภัยทางการเงิน” สำหรับที่เหลือของปี 2025? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน 

การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ในการลดความตึงเครียดระดับโลก ได้ช่วยสลายความเสี่ยงระยะสั้นครั้งใหญ่ ราคาน้ำมันก็เริ่มเย็นลง ขณะที่ความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อก็เริ่มลดลงเช่นกัน นั่นหมายความว่า ความสนใจของตลาดจะหันไปจับตาธนาคารกลางสหรัฐว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใด 

นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทองคำและบิตคอยน์จะได้พิสูจน์ว่าใครคือผู้นำตัวจริงในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ทั้งสองต่างมีแนวโน้มไปได้ดีเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทั้งสองได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง และทั้งสองยังดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนที่วิตกกังวลและต้องการปกป้องอำนาจการซื้อ 

แต่ในวันนี้ ใครคือผู้ที่ยืนเหนือกว่า? 

ก่อนจะลงลึกว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดของทั้งสองฝั่ง มาดูภาพรวมกันก่อนว่า ทองคำและบิตคอยน์แตกต่างกันอย่างไรในปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้ 

ตอนนี้คุณก็เห็นภาพรวมแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าทำไมทองคำอาจยังเปล่งประกายได้อีกในปีนี้ และอะไรอาจเป็นแรงผลักดันให้บิตคอยน์พุ่งแรงยิ่งขึ้น 

มาเริ่มกันที่ทองคำ ล่าสุดราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ใกล้ 3,500 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย 

อะไรคือปัจจัยหนุน? เป็นผลจากหลายปัจจัยที่ประจวบเหมาะ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง การเข้าซื้อของธนาคารกลาง และความกังวลเรื่องเสถียรภาพหนี้ในระยะยาว แม้ว่าเบี้ยความเสี่ยงจากสงครามจะเริ่มลดลง แต่แนวโน้มของราคาทองคำก็ยังดูแข็งแกร่ง 

หากคุณลองดูปัจจัยทางเทคนิค จะเห็นว่าทองคำกำลังเข้าสู่ช่วงสะสมครั้งใหญ่เหนือระดับ 3,500 ดอลลาร์ รูปแบบนี้เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ช่วงปี 2011 ด้วยรูปแบบ “ถ้วยและด้ามจับ” ระยะยาว หากแพทเทิร์นนี้ยังคงดำเนินต่อไป ก็มีโอกาสสูงที่ราคาทองจะทดสอบระดับ 4,000 ดอลลาร์ และอาจไปไกลกว่านั้น 

ทองคำยังถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงชั้นยอด ไม่มีความเสี่ยงจากเทคโนโลยี ไม่มีคู่สัญญา ไม่ต้องห่วงเรื่องการแฮก เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้และได้รับความไว้วางใจมานานนับพันปี 

แต่อย่าลืมว่า ทองคำก็มีข้อจำกัดเช่นกัน มันเคลื่อนไหวช้า ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย และการปรับขึ้นของราคาก็เกิดในรอบที่กินเวลานาน ซึ่งอาจเป็นบททดสอบของนักลงทุนที่ต้องใช้ความอดทนอย่างแท้จริง 

มาที่ฝั่งบิตคอยน์กันบ้าง 

ตอนนี้ราคาของ BTC แกว่งตัวอยู่ระหว่าง 100,000 ถึง 110,000 ดอลลาร์มาตลอดทั้งเดือน นักลงทุนสถาบันยังคงแห่เข้าลงทุนผ่าน ETF ขณะที่ข่าวลือเกี่ยวกับการสะสมบิตคอยน์ของทรัมป์ยิ่งช่วยเติมเชื้อไฟให้มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ปริมาณเงิน M2 ยังบ่งชี้ว่าบิตคอยน์อาจมีช่องว่างให้พุ่งขึ้นต่อได้อีก ในอดีต ราคาบิตคอยน์มักเคลื่อนไหวตาม M2 ด้วยระยะเวลาเลื่อนประมาณ 12 สัปดาห์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มราคาอาจยังตามหลังสภาพคล่องทั่วโลกอยู่ 

อย่าลืมว่า บิตคอยน์มีจุดแข็งที่ทองคำไม่มี นั่นคือ “พลังระเบิดทางราคา” ย้อนกลับไปในปี 2011 ราคาซิลเวอร์เคยพุ่งจาก 35 ดอลลาร์ไปถึง 50 ดอลลาร์ในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ และบิตคอยน์สามารถทำแบบนั้นได้เร็วกว่า ด้วยปัจจัยกระตุ้นที่น้อยกว่ามาก 

บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ไร้พรมแดน และมีจำนวนจำกัดอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมในยุคที่รัฐบาลต่างพิมพ์เงินแก้ปัญหาเศรษฐกิจ บิตคอยน์กลับยิ่งได้รับความนิยมจากนักลงทุนหน้าใหม่ 

แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า บิตคอยน์มีความผันผวนสูง การเหวี่ยงขึ้นลงเป็นตัวเลขสองหลักในวันเดียวถือเป็นเรื่องปกติ การลงทุนในบิตคอยน์จึงไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่ยังต้องอาศัยการเติบโตของการยอมรับ เทคโนโลยี และความชัดเจนด้านกฎระเบียบ มันไม่ใช่สินทรัพย์คลาสสิกแบบทองคำ แต่เปรียบได้กับ “รถสปอร์ตสมรรถนะสูง” ที่แรง เร็ว และท้าทาย 

แล้วใครคือผู้ชนะ? 

คำตอบขึ้นอยู่กับกรอบเวลาและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ 

  • ทองคำ เคลื่อนไหวช้าแต่มั่นคง และยังคงเชื่อถือได้อย่างมาก มักจะเริ่มขยับในช่วงท้ายของรอบวัฏจักรเศรษฐกิจ เมื่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงลดลงอย่างรุนแรง หรือเมื่อค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนตัว เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความสบายใจ มีประวัติให้ย้อนดูยาวนาน และไม่อยากเจอความผันผวนรุนแรง 
  • บิตคอยน์ เหมาะกับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงเพื่อแลกกับโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่า มันได้รับแรงขับเคลื่อนโดยตรงจากสภาพคล่องทั่วโลก ซึ่งหากเฟดลดดอกเบี้ยอย่างจริงจัง ก็อาจผลักดันให้ราคาบิตคอยน์ทำสถิติใหม่เร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้ 

แนวทางที่ฉลาดกว่านั้น? หลายคนเลือกผสมทั้งสองแบบ โดยจัดพอร์ตบางส่วนไว้ที่ทองคำเพื่อเป็นหลักประกัน และอีกส่วนลงทุนในบิตคอยน์เพื่อโอกาสการเติบโต เมื่อรวมกันแล้ว พอร์ตแบบนี้สามารถเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงยุคใหม่ได้ ทั้งจากการกดดันทางการเงินและเงินเฟ้อ 

1. ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed): 
หากพาวเวลล์เริ่มลดดอกเบี้ย ทั้งทองคำและบิตคอยน์อาจพุ่งขึ้นพร้อมกัน ดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว และทำให้สินทรัพย์ทางเลือกน่าสนใจยิ่งขึ้น 

2. ข้อมูลเงินเฟ้อ: 
หากราคาน้ำมันพุ่งอีกครั้ง หรือมาตรการภาษียังไม่ถูกยกเลิก อัตราเงินเฟ้ออาจยังสูงอยู่ และกดดันให้เฟดคงดอกเบี้ย ซึ่งมักส่งผลดีต่อราคาทองคำโดยตรง 

3. กระแสเงินจากสถาบัน: 
การเปิดตัว Bitcoin ETF แบบ Spot เพิ่มขึ้น กองทุนความมั่งคั่งของรัฐเข้าลงทุนใน BTC หรือธนาคารกลางยังคงซื้อทองคำ ล้วนสามารถสร้างแรงผลักดันรอบใหม่ให้กับตลาด 

4. เทคโนโลยี vs. ภาพใหญ่เศรษฐกิจโลก: 
บิตคอยน์ต้องการการยอมรับทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทองคำต้องการเพียงแค่ให้ภาระหนี้ทั่วโลกเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มสูงมาก โดยล่าสุดหนี้ทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดกว่า 324 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว 

ทองคำกับบิตคอยน์ไม่ใช่ศัตรูกัน พวกมันคือ “เพื่อนร่วมทีม” ในพอร์ตการลงทุนที่ต้องการปกป้องตัวเองจากระบบเศรษฐกิจโลกที่ขับเคลื่อนด้วยหนี้และสภาพคล่อง 

ในตอนนี้ เมื่อความเสี่ยงจากสงครามเริ่มจางหาย และความสนใจหันไปที่นโยบายของธนาคารกลาง สินทรัพย์ทั้งสองอาจ “เปล่งประกาย” พร้อมกัน คำถามที่แท้จริงไม่ใช่ว่าคุณควรเลือกทองคำหรือบิตคอยน์ แต่คือ “ควรมีแต่ละอย่างในสัดส่วนเท่าไหร่” จึงจะเหมาะกับกลยุทธ์ของคุณที่สุด 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-07-03 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทองคำ vs บิตคอยน์: อะไรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2025? 

เมื่อพูดถึงการป้องกันความผันผวนของตลาด มีสินทรัพย์อยู่สองประเภทที่โดดเด่น: ทองคำและบิตคอยน์ หนึ่งในนั้นได้รับความไว้วางใจมานานนับพันปี ส่วนอีกตัวแม้จะอายุน้อยแต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโลกการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างน่าทึ่ง  และในตอนนี้ ขณะที่ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เริ่มคลี่คลายลง และตลาดต่างจับตาการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของพาวเวลล์ สินทรัพย์ทั้งสองนี้ก็กลายเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในการดึงดูดเงินลงทุน  แล้วอะไรจะกลายเป็น “หลุมหลบภัยทางการเงิน” สำหรับที่เหลือของปี 2025? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน  ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญในตอนนี้  การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง รวมถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ในการลดความตึงเครียดระดับโลก ได้ช่วยสลายความเสี่ยงระยะสั้นครั้งใหญ่ ราคาน้ำมันก็เริ่มเย็นลง ขณะที่ความคาดหวังเรื่องเงินเฟ้อก็เริ่มลดลงเช่นกัน นั่นหมายความว่า ความสนใจของตลาดจะหันไปจับตาธนาคารกลางสหรัฐว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใด  นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่ทองคำและบิตคอยน์จะได้พิสูจน์ว่าใครคือผู้นำตัวจริงในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ทั้งสองต่างมีแนวโน้มไปได้ดีเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัว ทั้งสองได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง และทั้งสองยังดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนที่วิตกกังวลและต้องการปกป้องอำนาจการซื้อ  แต่ในวันนี้ ใครคือผู้ที่ยืนเหนือกว่า?  ทองคำ vs บิตคอยน์: เปรียบเทียบแบบชัดๆ ในปี 2025  ก่อนจะลงลึกว่าอะไรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดของทั้งสองฝั่ง มาดูภาพรวมกันก่อนว่า ทองคำและบิตคอยน์แตกต่างกันอย่างไรในปัจจัยพื้นฐานที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้  ตอนนี้คุณก็เห็นภาพรวมแล้ว ต่อไปมาดูกันว่าทำไมทองคำอาจยังเปล่งประกายได้อีกในปีนี้ และอะไรอาจเป็นแรงผลักดันให้บิตคอยน์พุ่งแรงยิ่งขึ้น  ทองคำ: เป้าหมายถัดไปอาจอยู่ที่ 4,000 ดอลลาร์จริงหรือ?  มาเริ่มกันที่ทองคำ ล่าสุดราคาทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดใหม่ใกล้ 3,500 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย  อะไรคือปัจจัยหนุน? เป็นผลจากหลายปัจจัยที่ประจวบเหมาะ ทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง การเข้าซื้อของธนาคารกลาง และความกังวลเรื่องเสถียรภาพหนี้ในระยะยาว […]

article-thumbnail

2025-06-27 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

การเจรจาสันติภาพจะพาดัชนีหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งหรือไม่? 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทั่วโลกต่างเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย น้ำมันพุ่งแรง ทองคำทะยาน พาดหัวข่าวเต็มไปด้วยความตึงเครียดว่าอาจเกิดสงคราม แต่ในแบบฉบับของตลาดการเงิน ทุกอย่างกลับพลิกอย่างรวดเร็ว  ตอนนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงสันติภาพระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล (ซึ่งเราคาดการณ์ไว้ในบทความสัปดาห์ก่อน) บรรยากาศในตลาดเริ่มเปลี่ยน ความกังวลต่อความเสี่ยงสงครามเริ่มคลี่คลาย ราคาน้ำมันเริ่มย่อตัว สินทรัพย์ปลอดภัยเริ่มเย็นลง ขณะที่ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาฟื้นตัว  คำถามสำคัญในตอนนี้คือ: การเจรจาสันติภาพครั้งนี้ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งหรือไม่?  มาหาคำตอบกัน  จากความกลัวสงครามสู่ความหวังลดดอกเบี้ย  ตลาดไม่ชอบความไม่แน่นอน พาดหัวข่าวสงครามคือความไม่แน่นอนขั้นสุด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นถึงแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อการเจรจาสันติภาพเริ่มมีแรงส่ง เส้นทางใหม่ก็กำลังเปิดขึ้น  ตอนนี้จุดโฟกัสไม่ใช่คำถามว่า “สงครามจะปะทุหรือไม่?” อีกต่อไป แต่มันกำลังเปลี่ยนเป็น “เฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่?”  นั่นคือกุญแจสำคัญ เพราะยิ่งเฟดลดดอกเบี้ยเร็วเท่าไหร่ ตลาดหุ้นก็ยิ่งมีโอกาสไปได้แรงเท่านั้น  ทำไมข้อตกลงสันติภาพอาจเป็นตัวจุดชนวนที่สมบูรณ์แบบให้หุ้นพุ่ง  ข้อตกลงหยุดยิงที่น่าเชื่อถือสามารถดึงแรงกดดันมหาศาลออกจากระบบได้:  พูดง่ายๆ คือ ข้อตกลงสันติภาพอาจปูทางให้เกิดการรีบาวด์ในตลาดหุ้นวงกว้าง S&P 500 กำลังเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบล่าสุด ขณะที่ Nasdaq ยังคงแข็งแกร่ง เมื่อความเสี่ยงจากสงครามลดลง บรรดานักลงทุนฝั่งกระทิงอาจเข้าควบคุมเกมได้  ทรัมป์ vs พาวเวลล์: ตัวเร่งตลาดคนถัดไป?  ทรัมป์ไม่เคยปิดบังว่าเขาต้องการดอกเบี้ยต่ำ เขาเคยโจมตีพาวเวลล์ในที่สาธารณะว่าเดินเกมช้าเกินไป  ในอีกด้าน พาวเวลล์กำลังเดินบนเส้นด้าย การสิ้นสุดสงครามทำให้เขาขยับไปสู่การลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ภาษีนำเข้าชุดใหม่ของทรัมป์และแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังค้างอยู่ […]

article-thumbnail

2025-06-20 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

สงครามอิหร่าน-อิสราเอล: ราคาน้ำมันจะพุ่งถึง $100 และทองจะทะยานแตะ $4,000 หรือไม่? 

ตะวันออกกลางกลับมาเป็นจุดศูนย์กลางของความตึงเครียดในตลาดโลกอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่ใช่แค่การซ้อมรบ ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นระหว่างอิหร่านและอิสราเอลได้ปะทุเป็นสงครามเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายเป็นแหล่งน้ำมัน โรงกลั่น และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ  ผลกระทบคืออะไร? ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ $100 และราคาทองคำทะยานสู่ระดับใหม่ใกล้ $4,000  แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป้าหมายราคาซื้อขาย เพราะผลกระทบแผ่กระจายไปถึงค่าเงิน อัตราเงินเฟ้อ คาดการณ์ดอกเบี้ย และพฤติกรรมนักลงทุน  และนี่คือภาพรวมของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมสิ่งที่นักเทรดและนักลงทุนควรจับตามองต่อไป  สงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิหร่าน–อิสราเอล   สิ่งที่ทำให้ความขัดแย้งครั้งนี้แตกต่างคือขนาดและความตรงไปตรงมา ทั้งสองชาติพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของกันและกันโดยตรง ตั้งแต่โรงกลั่นของอิหร่านไปจนถึงคลังเก็บน้ำมันของอิสราเอล  เรากำลังหลุดจากโลกของสงครามตัวแทนหรือการก่อวินาศกรรมลับ นี่คือสงครามเปิดที่มีห่วงโซ่อุปทานโลกตกเป็นเป้าหมาย  และนั่นพาเรามาถึงจุดยุทธศาสตร์อย่างช่องแคบฮอร์มุซ  ประมาณ 20% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลกต้องผ่านเส้นทางเดินเรือสำคัญนี้ การหยุดชะงักใดๆ อาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสามหลักได้ภายในข้ามคืน และในอดีต แค่มีการขู่ปิดช่องแคบก็เพียงพอจะจุดชนวนให้ราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดแล้ว  หากอิหร่านตัดสินใจปิดช่องทาง หรือการขนส่งกลายเป็นความเสี่ยงเกินไป ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่ระดับ $110–120 จะไม่ใช่การคาดการณ์ที่เกินจริงอีกต่อไป แต่นี่คือ “กรณีฐาน” ที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริง  น้ำมันจะพุ่งทะลุ $100 หรือไม่?  ราคาน้ำมันเริ่มตอบสนองต่อความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ฟิวเจอร์สน้ำมัน WTI และ Brent ต่างพุ่งขึ้นจากการคาดการณ์ว่าการหยุดชะงักของอุปทานอาจทำให้ตลาดที่เปราะบางอยู่แล้วตึงตัวขึ้นไปอีก บวกกับการเก็งกำไรและต้นทุนประกันเรือบรรทุกที่เพิ่มขึ้น ทำให้เห็นภาพชัดว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะแหวกแนวต้านสำคัญได้อย่างรวดเร็ว  ในเชิงเทคนิค ราคาน้ำมันกำลังทดสอบเส้นแนวโน้มขาลงหลักที่ทำหน้าที่เป็นแนวต้านมาตั้งแต่ปี 2566 […]