
ราคาทองคำขยับก่อน แต่ซิลเวอร์ขยับเร็ว
ในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว ราคาซิลเวอร์พุ่งขึ้นมาแล้วกว่า 11.1% และตอนนี้กำลังซื้อขายที่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี จนกลายเป็นที่จับตามองของตลาด ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนระยะยาวหรือนักเทรดสายเก็งกำไร ทุกคนต่างจับตาดูระดับราคาที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ช่วงพีคของปี 2554
สิ่งที่นักเทรดอยากรู้คือ: นี่คือจุดเริ่มต้นของการเบรกทะลุครั้งประวัติศาสตร์ใช่ไหม? หรือแค่เป็นอีกหนึ่งรอบที่ราคาจะ ไปไม่สุดแล้วอ่อนตัวลง ที่แนวต้านอีกครั้ง?
ทำไมการพุ่งขึ้นของซิลเวอร์รอบนี้ถึงสำคัญ
ท่ามกลางกระแสข่าวครึกโครมของ AI และคริปโต ความแข็งแกร่งของซิลเวอร์กำลังบอกสัญญาณบางอย่างที่ลึกกว่านั้น
ในอดีต ซิลเวอร์เคยเป็นสินทรัพย์ที่ใช้เก็บมูลค่า เช่นเดียวกับทองคำ เป็นโลหะที่มีการใช้ในอุตสาหกรรม และยังเป็น เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน เมื่อซิลเวอร์เคลื่อนไหว มันไม่ได้ขยับเบา ๆ
หากย้อนไปปี 2554 ราคาซิลเวอร์พุ่งจาก $35 ไปเกือบ $50 ภายในเวลาเพียง 6 สัปดาห์ หรือคิดเป็นการขยับขึ้นกว่า 40% ในไม่ถึงสองเดือน เป็นรอบที่พุ่งแรงและรวดเร็วจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว และความต้องการในสินทรัพย์ปลอดภัย
วันนี้เรากำลังเห็นรูปแบบที่คล้ายกันอีกครั้ง
- ผลตอบแทนแท้จริงอยู่ภายใต้แรงกดดัน
- ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
- หนี้ทั่วโลกพุ่งสูง
- นักลงทุนเริ่มหันกลับมาหาสินทรัพย์จริงอีกครั้ง
และซิลเวอร์ก็กำลังตอบรับต่อสัญญาณนั้น
กราฟ 50 ปีที่เล่าเรื่องได้ในตัวเอง

กราฟด้านบนกำลังส่งสัญญาณเชิงเทคนิคที่น่าสนใจ โดยแสดงให้เห็นว่าราคาซิลเวอร์กำลังสร้างรูปแบบ “ถ้วยพร้อมหูจับ” ซึ่งมักเป็นสัญญาณขาขึ้นก่อนการเบรกทะลุครั้งใหญ่
รูปแบบนี้คล้ายกับที่ทองคำเคยทำไว้ก่อนจะทะลุระดับ $2,000
แนวต้านแนวนอนบริเวณ $44–$50 ได้กลายเป็นเพดานราคาของซิลเวอร์มายาวนานกว่าสี่ทศวรรษ โดยเคยเกิดขึ้นในปี 2523, อีกครั้งในปี 2554 และตอนนี้ในปี 2468 ซิลเวอร์กำลังกลับมาทดสอบโซนดังกล่าวอีกครั้ง
หากสามารถเบรกเหนือ $50 ได้อย่างชัดเจน จะถือเป็นการสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล และอาจเปิดประตูสู่รอบตลาดกระทิงระยะยาวรอบใหม่
ระยะสะสมของ “หูจับ” อาจสิ้นสุดไปแล้ว และสิ่งที่จะตามมาอาจรุนแรงและน่าตื่นเต้น
แรงส่งของซิลเวอร์เริ่มมาแรง

กราฟด้านบนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาซิลเวอร์ในช่วงเวลา 10 ปี โดยเน้นไปที่สองรอบตลาดกระทิงใหญ่ ได้แก่ ช่วงปี 1970s C.E. และ 2000s C.E. ซึ่งในแต่ละรอบราคาซิลเวอร์พุ่งแรงจนจากสินค้าที่ถูกลืม กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้ง
ตอนนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณเบื้องต้นของรอบกระทิงรอบที่สาม
ผลตอบแทนเฉลี่ยของซิลเวอร์กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง และแรงส่งกำลังเร่งตัว จากมุมมองมหภาค การปรับขึ้นรอบนี้ดูเหมือนจะมีพลังต่อเนื่อง
ย้อนกลับไปดูตัวอย่างในอดีต:
ในปี 2554 ราคาซิลเวอร์ใช้เวลาเพียง 6 สัปดาห์ในการพุ่งจาก $35 ไปที่ $50
ด้วยราคาซิลเวอร์ที่ปัจจุบันลอยตัวอยู่แถว $36–$37 การปรับขึ้นระดับนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริง โดยเฉพาะถ้าได้ปัจจัยเสริมอย่างค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อน เงินเฟ้อที่พุ่ง หรือแรงสั่นสะเทือนทางภูมิรัฐศาสตร์
ทำไมภาพรวมมหภาคเอื้อต่อซิลเวอร์
ซิลเวอร์ไม่ใช่แค่เหรียญโลหะสวยงามหรือสินค้าตามความต้องการภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่มันสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจโลก และตอนนี้สถานการณ์ก็น่าสนใจไม่น้อย:
- ธนาคารกลางกำลังชะงัก: เงินเฟ้อยังไม่ลด แต่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว มีแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยจะถูกลดลง ซึ่งมักทำให้ค่าเงินอ่อนตัวและหนุนราคาสินทรัพย์อย่างทองคำและซิลเวอร์
- ค่าเงินดอลลาร์กำลังอ่อน: อย่างที่วิเคราะห์ไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนในบทความ USD ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังเผชิญแรงกดดันเชิงโครงสร้าง ซึ่งในอดีตเคยส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อทองคำและซิลเวอร์
- ดีมานด์ทั้งภาคอุตสาหกรรมและการเงิน: ซิลเวอร์มีบทบาทสองด้านในตลาด ซิลเวอร์ถูกใช้ทั้งในแผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะเดียวกันก็ถูกถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นเดียวกับทองคำ บทบาทคู่ขนานนี้ทำให้ซิลเวอร์มีความโดดเด่นและแตกต่างจากโลหะมีค่าอื่นๆ
เงินจะไปถึง $50 ได้จริงหรือ?
จากมุมมองเชิงเทคนิค ประวัติศาสตร์ และภาพรวมเศรษฐกิจระดับมหภาค ราคา $50 ได้กลับมาอยู่ในบทสนทนาอีกครั้ง
แต่อย่าลืมว่า ซิลเวอร์เป็นสินทรัพย์ที่ผันผวนสูง มีโอกาสเหวี่ยงแรงทั้งขึ้นและลง ไม่ได้พุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง และระหว่างทางก็อาจมีการย่อตัวอย่างรุนแรงได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนสำหรับการเบรกทะลุแนวต้านยังคงชัดเจน:
- การทดสอบแนวต้านระยะยาวหลายสิบปี
- รูปแบบกราฟขาขึ้นในระยะยาว
- ผลการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน
- ภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย
- มีแบบอย่างจากประวัติศาสตร์ที่เคยพุ่งแรงมาแล้ว
ระดับราคา $50 ไม่ได้เป็นเพียงแค่เป้าหมายด้านตัวเลขเท่านั้น แต่มันคือ “จุดเปลี่ยนทางจิตวิทยา” ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญที่กินระยะเวลานานหลายสิบปี หากสามารถทะลุผ่านไปได้ อาจทำให้ซิลเวอร์เข้าสู่การปรับฐานราคาใหม่ทั้งระบบ
ประเด็นสำคัญที่ควรจับตา
- ราคาซิลเวอร์พุ่งขึ้น 11.1% ในเดือนมิถุนายน ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 13 ปีนับตั้งแต่ปี 2554
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ถึงรูปแบบกราฟถ้วยและหูจับ ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นระยะยาว
- ข้อมูลในอดีตยืนยันว่าซิลเวอร์สามารถเคลื่อนไหวแรงได้ เช่นเดียวกับในปี 2554
- ปัจจัยมหภาค เช่น ค่าเงินดอลลาร์อ่อนและการปรับลดดอกเบี้ย ช่วยหนุนแนวโน้มตลาด
- หากทะลุแนวต้าน $50 ได้ จะกลายเป็นจุดสูงสุดใหม่ และอาจเปิดตลาดกระทิงรอบใหญ่ในระยะยาว
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนสายยาวหรือเทรดเดอร์สายสั้น ตอนนี้ซิลเวอร์ได้กลับมาอยู่ในเรดาร์อีกครั้ง
จับตาแนวต้านให้ดี ติดตามโมเมนตัมอย่างใกล้ชิด เคลื่อนไหวอย่างคล่องตัว และอย่าลืมบริหารความเสี่ยงของคุณให้ดี
เพราะหากการเบรกทะลุแนวต้านนี้ “ยืนได้” อย่างมั่นคง นี่อาจเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของตลาดก็เป็นได้
การเปิดเผยความเสี่ยง
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง