
คำตอบสั้นๆ คือ ยังไม่ใช่… อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงตอนนี้ แต่เรากำลังเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
กระแส AI กำลังร้อนแรงแบบฉุดไม่อยู่ ชิปใหม่ๆ โมเดลที่ฉลาดขึ้น และมูลค่าตลาดระดับล้านล้านดอลลาร์เกิดขึ้นทุกหนแห่ง
นักลงทุนเรียกมันว่า “อินเทอร์เน็ตรุ่นถัดไป” แต่ประวัติศาสตร์กำลังส่งสัญญาณเตือนว่า เราเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว
จากหุ้น AI ที่พุ่งขึ้นจนกราฟแทบจะเป็นเส้นโค้งพาราโบลา คล้ายกับฟองสบู่ Dot Com ปี 1999 ความคล้ายคลึงนั้นยากจะมองข้ามได้
คำถามคือ กระแส AI Boom ครั้งนี้จะจบลงด้วยการปรับฐานอย่างนุ่มนวล หรือจะกลายเป็น วิกฤตเทคโนโลยีครั้งใหญ่ กันแน่
มาดูไปพร้อมกันกับกราฟ ข้อมูลจริง และมุมมองจากบุคคลสำคัญอย่าง Bill Gates และ Jerome Powell ประธานเฟด ว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับความคลั่งไคล้ AI ในยุคนี้
กระแส AI Boom ชวนให้นึกถึงอดีต
การพุ่งขึ้นของหุ้นในกลุ่ม ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดูคล้ายกับฟองสบู่ในปี 1999 อย่างน่าประหลาด
ในเวลานั้น “อินเทอร์เน็ต” คืออนาคต แต่วันนี้ “AI” คืออนาคตใหม่
ในทั้งสองยุค นักลงทุนทุ่มเงินมหาศาลเข้าสู่โมเดลธุรกิจที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความสำเร็จ
ครั้งนั้นคือเว็บไซต์ ส่วนครั้งนี้คือศูนย์ข้อมูล ชิป และอัลกอริทึม
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกกระแสความร้อนแรงจะจบลงเหมือนกัน
ต่างจากฟองสบู่ Dot Com Boom ผู้นำในยุค AI อย่าง Nvidia, Microsoft, AMD, Amazon และ Alphabet ล้วนเป็นบริษัทที่มีกำไรและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
นั่นคือความแตกต่างสำคัญจากฟองสบู่ปี 2000 ซึ่งในตอนนั้นบริษัทจำนวนมากยังแทบไม่มีรายได้ด้วยซ้ำ
เรายังอาจได้เห็นการพุ่งขึ้นแบบพาราโบลาก่อนหรือไม่
ลองดูกราฟนี้สิ

กระแสการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม AI ตอนนี้ยังอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดของปี 2000 เมื่อเทียบกับฟองสบู่ Dot Com
นั่นหมายความว่า เราอาจได้เห็นการพุ่งขึ้นรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเกิดการปรับฐานใหญ่ในตลาดหุ้น AI
นี่คือพฤติกรรมเดียวกันกับตอนที่ฟองสบู่อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในอดีต
- หุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายของปี 1999
- จากนั้น Tech Crash ก็ทำให้ดัชนี Nasdaq ร่วงลงถึง 78% ภายในสิ้นปี 2002
ดังนั้น แม้เรายังไม่ถึงจุดสูงสุดของรอบนี้ แต่รูปแบบที่เกิดขึ้นกลับดูคุ้นตาอย่างมาก ราวกับกำลังจะเกิด “การพุ่งขึ้นก่อนการย่อตัวครั้งใหญ่” อีกครั้ง
อัตราส่วน Nasdaq ต่อ Dow: ภาพซ้ำของปี 2000
อัตราส่วน Nasdaq-to-Dow บอกเรื่องราวที่ชัดเจน

หุ้นเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำผลตอบแทนได้เหนือกว่าหุ้นอุตสาหกรรมและการเงินอย่างทิ้งห่าง คล้ายกับช่วง Dot Com Boom ในอดีต
ทุกครั้งที่อัตราส่วนนี้พุ่งแรงขนาดนี้ ประวัติศาสตร์มักบ่งชี้ว่าการปรับฐานกำลังจะตามมา
อย่างไรก็ตาม รอบนี้มีความแตกต่างอยู่บ้าง เพราะฟองสบู่ AI Bubble ถูกขับเคลื่อนด้วยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจริง ไม่ใช่แค่ความฝันบนกระดาษ
ทั้ง คลาวด์คอมพิวติ้ง ศูนย์ข้อมูล และความต้องการชิปที่เพิ่มขึ้น ล้วนสร้างการเติบโตที่จับต้องได้ ไม่ใช่เพียงภาพลวงตาทางเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุนจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ในหุ้น AI ชั้นนำอย่าง Nvidia, Microsoft และ AMD ก็อาจหมายความว่าหากตลาดเริ่มชะลอตัว ผลกระทบจะรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
Bill Gates เตือนถึงฟองสบู่ AI ระยะเริ่มต้น
แม้แต่ Bill Gates ก็เห็นสัญญาณว่าฟองสบู่ AI อาจกำลังก่อตัวขึ้น
เขากล่าวในการสัมภาษณ์เมื่อเดือนนี้ว่า เรากำลังอยู่ใน “ช่วงเริ่มต้นของฟองสบู่ AI”
เหตุผลของเขาคือ มีสตาร์ทอัพจำนวนมากที่กำลังวิ่งตามเป้าหมายเดียวกัน พวกเขากำลังสร้าง เครื่องมือ AI ที่อาจไม่สามารถทำกำไรได้ในอนาคต
และหากย้อนดูประวัติศาสตร์ ทุกครั้งที่บริษัทต่างๆ เริ่มประกาศว่า “เราขับเคลื่อนด้วย AI” มักจะเกิดการคัดกรองครั้งใหญ่ในตลาดตามมา
แต่ Gates ก็เสริมด้วยว่า ในรอบนี้ “ผู้ชนะจะยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
เช่นเดียวกับที่ Amazon และ Google รอดพ้นจากวิกฤต Dot Com Crash ไปได้ หุ้น AI ชั้นนำเพียงไม่กี่ตัวในตอนนี้อาจกลายเป็นตัวกำหนดทิศทางของทศวรรษหน้า
เขากล่าวไว้ว่า: “เราจะได้เห็นการล้มเหลว แต่ผู้ที่อยู่รอดจะเป็นผู้กำหนดนิยามใหม่ให้กับทุกสิ่ง”
Powell โต้กลับ: “AI ยังไม่ใช่ฟองสบู่”
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เห็นต่าง
เขากล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า “AI ไม่ใช่ฟองสบู่เหมือนยุค Dot Com”
เหตุผลของเขาคือ การเติบโตด้านผลิตภาพในปัจจุบันสามารถวัดผลได้จริง
AI ไม่ได้เป็นเพียงกระแส hype แต่กำลังขับเคลื่อนการลงทุนในภาคธุรกิจจริง โดยเฉพาะในด้านระบบอัตโนมัติ โลจิสติกส์ และซอฟต์แวร์
มุมมองของ Powell สอดคล้องกับจุดยืนของเฟดที่มองว่า กระแส AI Boom ในตอนนี้มีรากฐานจากโครงสร้างจริงมากกว่าการเก็งกำไร
กล่าวโดยสรุป แม้ว่ามูลค่าตลาดจะอยู่ในระดับสูง แต่ปัจจัยพื้นฐานก็แข็งแกร่งกว่ายุคปี 1999 มาก
อย่างไรก็ตาม ฟองสบู่มักดู “มีเหตุผล” เสมอก่อนที่มันจะแตก
ทำไมฟองสบู่ AI อาจยังไม่แตกในเร็วๆ นี้
ดังนั้น ฟองสบู่ AI จะระเบิดหรือไม่
คำตอบคือ ยังไม่ใช่ตอนนี้
หากดูจากประวัติศาสตร์ ฟองสบู่มักไม่เคยจบลงอย่างเงียบๆ
โดยทั่วไป มักจะจบด้วยช่วง พุ่งสุดแรง ซึ่งเป็นรอบที่ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรงก่อนที่ความจริงจะเริ่มตามมา
ตอนนี้ตลาดยังไม่แสดงสัญญาณของเฟสดังกล่าว
สภาพคล่องยังคงสูง กำไรของบริษัทในกลุ่ม หุ้น AI ชั้นนำ ยังเติบโตต่อเนื่อง และนักลงทุนรายย่อยยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวของกระแส FOMO
พูดอีกอย่างหนึ่ง ฟองสบู่ AI อาจแตกในอนาคต แต่เวลานั้นยังมาไม่ถึง
เราอาจได้เห็นการพุ่งขึ้นอีกระลอก โดยเฉพาะหากมีการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2025
หุ้น AI ชั้นนำที่เป็นแรงขับเคลื่อนของกระแส
หากคุณเปิดดูรายชื่อหุ้นในกลุ่ม AI จะพบว่ามีชื่อเด่นอยู่ไม่กี่บริษัท เช่น
Nvidia, AMD, Microsoft, Alphabet, Amazon และ Meta
หุ้นเหล่านี้รวมกันครองสัดส่วนขนาดใหญ่ของผลตอบแทนในดัชนี S&P 500 ปีนี้
แต่ความแข็งแกร่งนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง หากบริษัทใดบริษัทหนึ่งเริ่มอ่อนแรง ตลาดหุ้น AI ทั้งระบบก็อาจปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนจำนวนมากยังแห่เข้าซื้อหุ้นของผู้ผลิตชิปรายย่อยและบริษัทซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติ ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมการเก็งกำไรที่คล้ายกับช่วงฟองสบู่ Dot Com Bubble
แต่แน่นอน ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะรอด
กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์
หากคุณกำลังสงสัยว่าจะลงทุนในกลุ่ม Artificial Intelligence อย่างปลอดภัยได้อย่างไร คำตอบคือ สมดุล แทนที่จะไล่ตามกราฟพุ่งแรง ลองมองหาบริษัทที่มี กระแสเงินสดจริง และมีการนำเทคโนโลยีไปใช้จริงในตลาด
หลีกเลี่ยงหุ้นที่ถูกปั่นกระแสแต่แทบไม่มีรายได้ เพราะนั่นคือจุดที่ความเสี่ยงของ ฟองสบู่ AI ซ่อนอยู่ ความหลากหลายของพอร์ตและความอดทนสำคัญกว่าการพยายามจับจังหวะสูงสุดของตลาด
ดังที่ Bill Gates กล่าวไว้ ผู้ชนะในรอบนี้อาจกลายเป็นบริษัทมูลค่าล้านล้านดอลลาร์รุ่นใหม่
แต่เส้นทางนั้นย่อมเต็มไปด้วยความผันผวน
อะไรที่ทำให้รอบนี้ต่างจากปี 1999
แม้กระแสจะดูคล้ายกัน แต่ความแตกต่างสำคัญระหว่างตอนนี้กับฟองสบู่ Dot Com Bubble คือ
- บริษัทอย่าง Nvidia และ Microsoft มีกำไรจริง
- การนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานจริงกำลังสร้างผลผลิตที่จับต้องได้
- เงินทุนทั่วโลกกระจายตัวมากขึ้น
หากย้อนกลับไปในปี 1999 อินเทอร์เน็ตยังเป็นเพียง “คำสัญญา”
แต่ในวันนี้ AI ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมจริงแล้ว
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าเราปลอดภัย เพราะหากเกิด การปรับฐานของหุ้น AI มันอาจดูเหมือนการหมุนเวียนของเงินลงทุน มากกว่าการพังทลายของตลาดทั้งหมด
บทสรุป ฟองสบู่ที่ยังอยู่ในระหว่างขยายตัว
ดังนั้น คำถามคือ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในฟองสบู่ AI หรือไม่
คำตอบคือ ใช่ แต่อยู่ในช่วงที่ฟองสบู่กำลังพองตัว
ทุกการปฏิวัติเทคโนโลยีย่อมมาพร้อมกับการเก็งกำไร
ฟองสบู่ปี 1999 ทำให้บริษัทหลายพันแห่งล่มสลาย แต่ก็เปิดทางให้กับยักษ์ใหญ่ระดับล้านล้านดอลลาร์ในเวลาต่อมา
AI Boom ครั้งนี้อาจเดินตามเส้นทางเดียวกัน
มูลค่าหุ้นบางส่วนอาจลดลง แต่ “นวัตกรรม” จะยังคงอยู่ต่อไป
เราน่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของฟองสบู่ ไม่ใช่จุดจบ
และหากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย การปรับฐานที่เจ็บปวดที่สุด มักเกิดขึ้นหลังจากช่วงที่ตลาดเติบโตสูงสุดเสมอ
การเปิดเผยความเสี่ยง
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต D Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ D Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง

