สินค้าโภคภัณฑ์IconBrandElement

article-thumbnail

2025-10-30 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ราคาทองคำดิ่งแรง: กระทิงทองสิ้นสุดแล้วหรือยัง 

ราคาทองคำกำลังร่วงลงอย่างรวดเร็ว หลังจากทำกำไรต่อเนื่องมาหลายเดือน ตอนนี้โลหะมีค่าชนิดนี้กำลังเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ นักเทรดทั่วโลกต่างตั้งคำถามเดียวกันว่า ทำไมราคาทองถึงร่วง  ในมุมแรกอาจดูเหมือนเป็นเพียงการย่อตัวของสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วไป แต่ลึกลงไปใต้พื้นผิวนั้น มีบางสิ่งที่ใหญ่กว่ากำลังเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงของสภาพคล่องระดับโลก ความเชื่อมั่น และพฤติกรรมทางการเงิน  เรามาดูกันว่า อะไรกันแน่ที่เป็นตัวขับเคลื่อนราคาทองคำในปี 2025 ทำไมจีนและธนาคารกลางหลายประเทศยังคงสะสมทองคำ และการเทขายครั้งนี้เป็นเพียงความตื่นตระหนกระยะสั้น หรือเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรที่ลึกกว่านั้น  เรื่องราว 10 ปีของทองคำ: จากสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ สู่สินทรัพย์ค้ำประกันสภาพคล่อง  ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทองคำได้เปลี่ยนจากบทบาทสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อแบบเดิม กลายมาเป็น สินทรัพย์หลักที่ค้ำจุนสภาพคล่องของระบบการเงินโลก  เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ราคาทองคำยังคงทรงตัวอย่างน่าทึ่งตลอดทศวรรษ 2020 แม้ต้องเผชิญกับการขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์แข็งค่า หรือแม้แต่กระแสของบิตคอยน์ก็ตาม  แต่การร่วงของราคาทองคำในปัจจุบัน ไม่ได้มาจากอุปสงค์ที่ลดลง แต่เกิดจากแรงกดดันด้านสภาพคล่องในระบบการเงินโลก เมื่อนักลงทุนเทขายทองคำ ส่วนใหญ่มักเป็นเพราะต้องการแปลงสินทรัพย์เพื่อชำระมาร์จิ้น หรือปรับพอร์ตเข้าสู่เงินสด ไม่ใช่เพราะพวกเขาหมดศรัทธาในทองคำ  ดังนั้น การเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “การล่มของทองคำ” อาจไม่สะท้อนภาพรวมที่แท้จริงของตลาด  มุมมองทองคำและนโยบาย Reverse Repo ของเฟด  ราคาทองคำในตอนนี้สะท้อนสิ่งที่ลึกกว่าการตอบสนองต่อเงินเฟ้อธรรมดา  เมื่อปริมาณเงินในโครงการ Reverse Repo ของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งเป็นกลไกให้ธนาคารและกองทุนพักเงินสดค้างคืน เริ่มลดลงจนเกือบแตะศูนย์ ราคาทองคำก็เริ่มพุ่งขึ้นทันที  และเมื่อยอดเงินดังกล่าวหายไปเกือบหมด ราคาทองคำก็ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทำไมถึงเกิดแบบนี้ เพราะเมื่อระบบการเงินขาดสภาพคล่องที่พักอยู่ในระบบ สินทรัพย์ค้ำประกันในรูปกระดาษเริ่มสั่นคลอน และเงินทุนจะไหลไปหาสินทรัพย์ที่มั่นคงกว่าอย่าง ทองคำ ซึ่งไม่สามารถผิดนัดชำระได้  ทองคำในตอนนี้จึงไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้ออีกต่อไป แต่มันกำลังกลายเป็น สินทรัพย์ค้ำประกันคุณภาพสูงสุด หรือสินทรัพย์สุดท้ายที่ระบบการเงินยังคงเชื่อมั่น  โลกกำลังส่งสัญญาณเงียบๆ ว่า หากระบบดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบันเกิดรอยร้าว ทองคำนี่แหละคือสิ่งที่ยังคงมีมูลค่า  การเปลี่ยนแปลงนี้อธิบายได้ว่าทำไม มูลค่าตลาดของทองคำ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้จะมีการปรับฐานระยะสั้น มันไม่ใช่เรื่องของการไล่ล่ากำไรอีกต่อไป แต่คือการปกป้องความมั่งคั่งจากระบบที่กำลังเปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ  ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำต่อเนื่อง  ขณะที่นักเทรดรายย่อยตื่นตระหนกกับราคาทองที่ร่วงลง ธนาคารกลางกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม พวกเขายังคงเข้าซื้อทองคำอย่างไม่เคยมีมาก่อน  จากข้อมูลล่าสุด ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำเฉลี่ยต่อปีราว 830 ตันในปี 2025  เฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 เพียงอย่างเดียว มีถึง 23 ประเทศที่เพิ่มปริมาณสำรองทองคำของตนเอง ซึ่งมากกว่าสองเท่าของค่าเฉลี่ยที่เคยเห็นระหว่างปี 2011 ถึง 2021 และนี่ถือเป็น ปีที่สี่ติดต่อกัน ที่การถือครองทองคำของธนาคารกลางอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำ 1,080 ตันในปี 2022, 1,051 ตันในปี 2023 และ 1,089 ตันในปี 2024 และในปี 2025 แนวโน้มยังคงต่อเนื่องเข้าสู่ ปีที่ 16 ติดต่อกันของการซื้อสุทธิ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้  ก่อนปี 2010 ธนาคารกลางเคยเป็น “ผู้ขายสุทธิ” ทองคำติดต่อกันถึง 21 ปี แต่ปัจจุบันพวกเขาแทบหยุดซื้อไม่ได้เลย  สาเหตุสำคัญคือความเชื่อมั่นในระบบการเงินกระแสหลักเริ่มลดลง ทองคำไม่ใช่หนี้สินของใคร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวอชิงตัน ปักกิ่ง หรือธนาคารกลางยุโรป (ECB)  เมื่อรัฐบาลกระจายความเสี่ยงในเงินสำรอง พวกเขาไม่ได้ “ไล่ราคาทอง” แต่กำลัง “ซื้อประกันทางการเงิน” ต่างหาก  ดังนั้นการเรียกสถานการณ์นี้ว่า “วิกฤตราคาทองคำ” อาจไม่ถูกต้องนัก เพราะแม้ราคาจะดูเหมือนลดลงบนกราฟ แต่ความเป็นเจ้าของทองคำกำลังเปลี่ยนจากนักเทรดรายย่อยไปสู่คลังสมบัติของรัฐบาลอย่างเงียบๆ  จีนยังคงซื้อทองคำต่อเนื่อง แม้ตลาดกำลังเทขาย  หากคุณสงสัยว่าทำไมราคาทองคำถึงร่วง ทั้งที่ความต้องการดูเหมือนยังสูงลิ่ว คำตอบอยู่ที่กระแสเงินระยะสั้น เพราะความต้องการจากจีนกำลังพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด  ข้อมูลจากตลาดทองเซี่ยงไฮ้ระบุว่า ใบรับประกันทองคำ พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 86,565 กิโลกรัมในเดือนตุลาคม 2025 เพิ่มขึ้นถึง 27 เท่าจากปี 2024 และสูงกว่า 550% ภายในปีนี้เพียงปีเดียว  นี่ไม่ใช่การเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อย แต่เป็นการที่ จีนกำลังสะสมสินทรัพย์จริง ท่ามกลางกระแสการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ที่กำลังขยายตัวทั่วโลก  ขนาดของอุปสงค์ในครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่นักเทรดฝั่งตะวันตกทยอยหมุนเวียนเงินออกจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ จีนกลับดูดซับอุปทานเหล่านั้นเข้าสู่การถือครองระยะยาว  กล่าวอีกนัยหนึ่ง การร่วงของราคาทองคำในตอนนี้อาจเป็นเพียง การปรับฐานชั่วคราว สิ่งที่ดูเหมือน “ความอ่อนแอของราคา” อาจเป็นเพียงการเปลี่ยนมือของทองคำจากนักลงทุนต่างชาติไปสู่การถือครองของประเทศขนาดใหญ่แทน  การวิเคราะห์ทางเทคนิคของทองคำ: ทิศทางต่อไปคืออะไร  จากมุมมองทางเทคนิค ราคาทองคำเพิ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลใกล้ 4,300 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์การกลับตัวอย่างรวดเร็วนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักเทรด และกระตุ้นให้เกิดการขายแบบอัตโนมัติในวงกว้าง   อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 30% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ตลาดจำเป็นต้อง “พักหายใจ” แม้แต่เทรนด์ขาขึ้นที่แข็งแกร่งก็ต้องปรับฐานก่อนขึ้นต่อในรอบถัดไป  ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงยืนเหนือโซน 3,400–3,500 ดอลลาร์ โครงสร้างโดยรวมของตลาดยังคงแสดงถึงเสถียรภาพในระยะยาว  ความผันผวนลักษณะนี้เกิดขึ้นเป็นปกติในช่วงที่ตลาดเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ในทุกครั้งที่ราคาทองคำย่อตัวตั้งแต่ปี 2018 ไม่ว่าจะเป็นจากสงครามการค้า วิกฤตโรคระบาด หรือช็อกราคาในตลาด ทองคำมักสร้างฐานใหม่ก่อนดีดขึ้นอีกครั้ง  ด้วยเหตุนี้เอง นักวิเคราะห์ที่ติดตาม แนวโน้มราคาทองคำในอีก 5 ปีข้างหน้า จึงยังไม่รีบประกาศว่ารอบตลาดขาขึ้นของทองคำได้สิ้นสุดลงแล้ว  บทบาทใหม่ของทองคำในระบบเศรษฐกิจโลก  เรื่องราวของทองคำในปี 2025 ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่เครื่องประดับหรือเงินเฟ้ออีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ ความเชื่อมั่น หลักประกัน และการคงอยู่ทางการเงิน  เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก ราคาทองคำที่ปรับค่าเงินเฟ้อแล้วยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง แม้ในช่วงภาวะถดถอย ทองคำก็มักทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ที่รักษาเสถียรภาพของตลาด ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งใน การลงทุนไม่เสื่อมค่าจากเงินเฟ้อ ที่แทบจะเหลืออยู่เพียงไม่กี่ประเภทในตลาดโลก  เมื่อกระแสเงินทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง คำถามสำคัญไม่ได้อยู่ที่ “ทองคำหนึ่งตันมีมูลค่าเท่าไร” แต่คือ “ทองคำหนึ่งตันสะท้อนความเชื่อมั่นมากแค่ไหน”  ตั้งแต่ ราคาทองคำในปี 1980 จนถึง การคาดการณ์ราคาทองคำในปี 2030 ความจริงข้อหนึ่งยังคงเดิมเสมอ ทุกครั้งที่ระบบการเงินเกิดรอยร้าว ทองคำจะถูกประเมินมูลค่าใหม่ให้สูงขึ้นในเชิงมูลค่าที่แท้จริง  ราคาทองคำจะฟื้นตัวหรือไม่  คำตอบสั้นๆ คือ ทองคำไม่จำเป็นต้อง “ฟื้นตัว” เพราะสิ่งที่ต้องฟื้นคือโลกต่างหาก ทุกครั้งที่สภาพคล่องในระบบการเงินตึงตัว ทองคำจะกลายเป็นกระจกสะท้อนสภาวะนั้นโดยตรง  เมื่อสินทรัพย์กระดาษสั่นคลอน ทองคำจะเปล่งประกาย บางครั้งอย่างเงียบๆ และบางครั้งก็อย่างรุนแรง ดังนั้นคำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า “ทำไมราคาทองคำถึงขึ้นหรือลง” แต่คือ “ทองคำกำลังส่งสัญญาณอะไรให้กับโลกในเวลานี้”  ไม่ว่าคุณจะจับตา การถือครองทองคำของจีน เงินสำรองของธนาคารกลาง หรือกระแสการไหลเวียนของทองคำในตลาดโลก รูปแบบที่เห็นคือสิ่งเดียวกัน เมื่อความเชื่อมั่นเริ่มสั่นคลอน การสะสมทองคำก็เริ่มต้นขึ้น  ดังนั้น แม้ราคาทองคำบนกราฟอาจดูเหมือนกำลังร่วง แต่ภายใต้พื้นผิวนั้น รากฐานใหม่ของความเชื่อมั่นระดับโลกกำลังถูกสร้างขึ้นทีละแท่งทองคำ 

article-thumbnail

2025-08-21 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

หลังประชุม ทรัมป์–ปูติน จับตาสินค้าโภคภัณฑ์ตัวนี้

ข่าวพาดหัวมาแล้วก็ผ่านไป ตลาดไม่ไหวติง แต่คุณอย่าเพิ่งตายใจ ใต้ผิวน้ำอันสงบนั้น มีบางสิ่งสำคัญเพิ่งเกิดขึ้น: ทรัมป์กับปูตินนั่งคุยกันแบบตัวต่อตัวที่อลาสกา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา และเมื่อสองมหาอำนาจด้านภูมิรัฐศาสตร์เปิดปากพูดคุยกัน หลังความเงียบอันเย็นเยียบหลายปี ผลกระทบที่ตามมาอาจไม่ฉับไวเหมือนการขึ้นดอกเบี้ย แต่แรงกระเพื่อมจะรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อมันเริ่มเคลื่อนไหว  และเมื่อมันระเบิดขึ้นมา ก็จะไม่มีคำว่าเบาเลย  นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่มันอาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่จะพลิกโฉมตลาดพลังงาน พันธมิตรระหว่างประเทศ และแม้แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อที่กำลังมุ่งหน้าสู่ปี 2026.  การประชุมที่ (เงียบๆ) แต่เขยื้อนตลาดได้  ต่างจากซัมมิตทั่วไปที่เต็มไปด้วยข่าวพาดหัวและวาทะเร้าอารมณ์ การพบกันของทรัมป์–ปูตินครั้งนี้กลับเรียบง่ายอย่างน่าประหลาด  ไม่มีข้อตกลงสันติภาพ ไม่มีการเจรจาทะลุทางตัน ไม่มีการจับมือบนเวทีใหญ่พร้อมแสงสีเสียงอลังการ  แต่นั่นแหละ คือเหตุผลที่มันสำคัญ  เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ดูเหมือนว่าวอชิงตันกับมอสโกจะกลับมาคุยกันอีกครั้งในเบื้องหลัง และในโลกของสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก การสื่อสารคือสินทรัพย์ โดยเฉพาะเมื่อความขัดแย้งในยูเครนยังไม่มีวี่แววจะยุติ  นักเทรดเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่า: หรือว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายความตึงเครียด?  ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์นี้ควรอยู่ในเรดาร์ของคุณ  อย่าอ้อมค้อมเลย: มันคือน้ำมัน  แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหวด้านราคาทันที แต่นักเทรดรู้ดีว่าเมื่อใดที่มีสัญญาณแห่งสันติภาพ แม้เพียงแค่จุดเริ่มต้น ก็อาจทำให้เส้นทางการขนส่งที่ถูกปิดกลับมาเปิดได้ มาตรการคว่ำบาตรอาจผ่อนคลายลง และค่าความเสี่ยงที่ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย–ยูเครนอาจเริ่มคลี่คลาย ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดพลังงานทั้งหมด  ตำแหน่งถือครองแบบเก็งกำไรฝั่ง Long ในน้ำมันดิบ WTI ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 […]

article-thumbnail

2024-06-06 | สารจาก D Prime

ราคาทองแดงพุ่งสูง เหตุใดทองแดงจึงดีดตัวขึ้น

ทองแดง ซึ่งเป็นโลหะที่มีคุณสมบัติในด้านการนำไฟฟ้ามาตั้งแต่สมัยอดีต กำลังอยู่ในเทรนขาขึ้น โดยราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การเพิ่มขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการที่เน้นย้ำถึงคุณค่าของทองแดงและบทบาทที่สำคัญในหลายอุตสาหกรรม ในบทความนี้ เราจะตรวจสอบพลวัตต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวโน้มของตลาด ความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน และผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างที่ส่งผลต่อมูลค่าทองแดง  เทรนขาขึ้นของทองแดงในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์  การเพิ่มขึ้นของราคาทองแดงเป็นส่วนหนึ่งมาจากเทรนขาขึ้นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา สินค้าโภคภัณฑ์ 47 รายการในภาคส่วนต่างๆ มีมูลค่าสูงสุดในรอบหลายปี ตามที่นักวิเคราะห์จาก GSC Commodity Intelligence ทองแดง ควบคู่ไปกับทองคำและเงิน มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทองแดงได้เข้าสู่ “ตลาดกระทิง” เป็นครั้งที่สองในศตวรรษนี้ เริ่มต้นในปี 2024 โดยราคาพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11,104 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน การเพิ่มขึ้นอย่างมากนี้เป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตของสินค้าโภคภัณฑ์ในวงกว้าง  ความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทาน  ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองแดงพุ่งสูงขึ้นคือบทบาทที่สำคัญต่อภาคส่วนต่างๆ รวมถึงการก่อสร้าง การผลิต และการป้องกัน ซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจโลก ในความเป็นจริง โดยทั่วไปแล้วทองแดงถูกมองว่าเป็นเครื่องวัดที่สำคัญของภาวะเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในการก่อสร้างและการผลิต  ความต้องการทองแดงเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการป้องกัน เช่นเดียวกับการเป็นส่วนประกอบสำคัญในรถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม และระบบส่งไฟฟ้า  ตัวอย่างเช่น การสร้างกังหันลมต้องใช้ทองแดงมากกว่าถ่านหินประมาณสามเท่าในการผลิตไฟฟ้าในแง่ของกำลังการผลิตตันต่อกิกะวัตต์  อย่างไรก็ตาม บริษัทเหมืองแร่กำลังพยายามผลิตทองแดงเพื่อให้ทันกับความต้องการ จากข้อมูลของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เหมืองและโครงการต่างๆกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการทองแดงทั่วโลกได้เพียง 80% […]

article-thumbnail

2023-08-10 | สารจาก D Prime

น้ำมันพุ่งขึ้น 15% ในเดือนกรกฎาคม เงินเฟ้อจะกลับมาหรือไม่

น้ำมันดิบได้ประกาศผลกำไรติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่หก นับเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครนเริ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบ WTI แตะระดับ 82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2023  ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบล่าสุดอาจจุดชนวนสงครามพลังงานทั่วโลก  ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนได้สั่นคลอนเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสายสัมพันธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ เป็นเวลาแปดสิบปีแล้วที่ซาอุดีอาระเบียต่อรองกับสหรัฐฯ โดยสัญญาว่าจะจัดหาน้ำมันให้กับชาวอเมริกันเพื่อแลกกับการรักษาความปลอดภัยจากสหรัฐฯ จากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ ในวันนี้ พันธมิตรที่มีอายุเกือบศตวรรษนี้กำลังเผชิญกับการทดสอบที่ท้าทายอย่างมาก  ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐกำลังฉลองความสำเร็จในการลดอัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้กำลังบอกเราถึงเรื่องราวที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง  อัตราเงินเฟ้อจะกลับมาหรือไม่ เฟดจะตอบสนองอย่างไรหากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในบทความนี้ เราจะวิเคราะห์และทำความเข้าใจถึงปัจจัยเบื้องหลังของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันนี้ นอกจากนี้ เราจะสำรวจว่านักลงทุนสามารถรับประโยชน์จากความผันผวนนี้ได้อย่างไร ในขณะที่คำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต  น้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1985  สงครามในยูเครนทำให้ตลาดพลังงานทั่วโลกหยุดชะงัก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สหรัฐฯ ก็มองหาซาอุดีอาระเบียเพื่อช่วยให้ราคาน้ำมันมีเสถียรภาพและลดอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ซาอุดีอาระเบียไม่เต็มใจที่จะเพิ่มการผลิตเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันกับรัสเซีย (รัสเซีย: 11%, ซาอุดิอาระเบีย 12%) และได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจมีความสำคัญต่อการระดมทุนสำหรับโครงการ Megacity แห่งอนาคตที่รู้จักกันในชื่อ ‘Neom’  ในการประชุม OPEC+ ครั้งล่าสุด ซาอุดีอาระเบียได้ขยายการลดน้ำมันโดยสมัครใจอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยบอกใบ้ถึงความเป็นไปได้ที่จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีกในการประชุมครั้งต่อๆ ไป ท่าทีนี้จะเพิ่มความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ หลังจาก […]

article-thumbnail

2022-04-13 | สารจาก D Prime

จากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เกิดอะไรขึ้นกับตลาดการเงิน และ เศรษฐกิจโลก ?

สงครามรัสเซีย-ยูเครน เกิดอะไรขึ้นกับตลาดการเงิน และ เศรษฐกิจโลก ?