หลังประชุม ทรัมป์–ปูติน จับตาสินค้าโภคภัณฑ์ตัวนี้

2025-08-21 | ทรัมป์ , น้ำมัน , ปูติน , พลวัตตลาด , สินค้าโภคภัณฑ์ , เจาะลึกตลาดรายสัปดาห์

ข่าวพาดหัวมาแล้วก็ผ่านไป ตลาดไม่ไหวติง แต่คุณอย่าเพิ่งตายใจ ใต้ผิวน้ำอันสงบนั้น มีบางสิ่งสำคัญเพิ่งเกิดขึ้น: ทรัมป์กับปูตินนั่งคุยกันแบบตัวต่อตัวที่อลาสกา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา และเมื่อสองมหาอำนาจด้านภูมิรัฐศาสตร์เปิดปากพูดคุยกัน หลังความเงียบอันเย็นเยียบหลายปี ผลกระทบที่ตามมาอาจไม่ฉับไวเหมือนการขึ้นดอกเบี้ย แต่แรงกระเพื่อมจะรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อมันเริ่มเคลื่อนไหว 

และเมื่อมันระเบิดขึ้นมา ก็จะไม่มีคำว่าเบาเลย 

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่มันอาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่จะพลิกโฉมตลาดพลังงาน พันธมิตรระหว่างประเทศ และแม้แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อที่กำลังมุ่งหน้าสู่ปี 2026. 

การประชุมที่ (เงียบๆ) แต่เขยื้อนตลาดได้ 

ต่างจากซัมมิตทั่วไปที่เต็มไปด้วยข่าวพาดหัวและวาทะเร้าอารมณ์ การพบกันของทรัมป์–ปูตินครั้งนี้กลับเรียบง่ายอย่างน่าประหลาด 

ไม่มีข้อตกลงสันติภาพ ไม่มีการเจรจาทะลุทางตัน ไม่มีการจับมือบนเวทีใหญ่พร้อมแสงสีเสียงอลังการ 

แต่นั่นแหละ คือเหตุผลที่มันสำคัญ 

เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ดูเหมือนว่าวอชิงตันกับมอสโกจะกลับมาคุยกันอีกครั้งในเบื้องหลัง และในโลกของสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก การสื่อสารคือสินทรัพย์ โดยเฉพาะเมื่อความขัดแย้งในยูเครนยังไม่มีวี่แววจะยุติ 

นักเทรดเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่า: หรือว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายความตึงเครียด? 

ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์นี้ควรอยู่ในเรดาร์ของคุณ 

อย่าอ้อมค้อมเลย: มันคือน้ำมัน 

แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหวด้านราคาทันที แต่นักเทรดรู้ดีว่าเมื่อใดที่มีสัญญาณแห่งสันติภาพ แม้เพียงแค่จุดเริ่มต้น ก็อาจทำให้เส้นทางการขนส่งที่ถูกปิดกลับมาเปิดได้ มาตรการคว่ำบาตรอาจผ่อนคลายลง และค่าความเสี่ยงที่ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย–ยูเครนอาจเริ่มคลี่คลาย ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดพลังงานทั้งหมด 

ตำแหน่งถือครองแบบเก็งกำไรฝั่ง Long ในน้ำมันดิบ WTI ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 ตามข้อมูลล่าสุดจาก CFTC การวางเดิมพันฝั่งขาขึ้นลดลงอย่างมาก ซึ่งสะท้อนความไม่มั่นใจอย่างลึกซึ้งต่อแนวโน้มระยะสั้นของราคาน้ำมัน 

เมื่อจำนวนการถือ Long ต่ำขนาดนี้ มันมักจะหมายถึงความมั่นใจในทิศทางขาขึ้นยังไม่เพียงพอ… อย่างน้อยก็ในตอนนี้. 

ค่าพรีเมียมแห่งสันติภาพในตลาดน้ำมัน 

ราคาน้ำมันมักรวมสิ่งที่นักเทรดเรียกว่า “ค่าพรีเมียมความขัดแย้ง” ซึ่งก็คือการปรับขึ้นราคาที่สะท้อนถึงความเสี่ยงของสงคราม การลดกำลังการผลิต หรือปัญหาด้านการขนส่งเมื่อเกิดความตึงเครียด 

นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ค่าพรีเมียมนี้ก็เพิ่มสูงขึ้น รัสเซียยังคงเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียก็ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกต้องสลับเส้นทางใหม่จากยุโรปไปเอเชีย 

ลองจินตนาการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากความพยายามทางการทูตเริ่มเดินหน้าไปสู่สันติภาพอย่างจริงจัง แม้จะไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ตลาดก็อาจเริ่มสะท้อน “การปลดค่าความเสี่ยง” ออกจากราคาแล้ว. 

กราฟชี้สัญญาณก่อนพายุจะมา 

กราฟด้านบนอธิบายภาพรวมได้ชัดเจนมาก 

แม้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงขึ้น แต่แม้แต่สงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลก็ยังไม่สามารถดันราคาน้ำมันดิบให้ทะลุแนวโน้มขาลงที่ยาวนานได้ 

กราฟแสดงให้เห็นชัดว่าราคาตอบสนองอย่างไร หรือพูดให้ถูกคือไม่ตอบสนองเลย ทุกครั้งที่พยายามดีดตัวขึ้นก็ถูกต้านไว้ที่แนวต้านขาลงเดิม ซึ่งยืนยันได้ว่าฝั่งขายยังคงควบคุมตลาดอยู่ 

ถ้าเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ยังไม่สามารถกระตุ้นการเบรกทะลุขึ้นได้ นั่นก็เป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงทางพื้นฐาน จนกว่าเส้นแนวโน้มนี้จะถูกเบรกอย่างชัดเจน โอกาสปรับตัวขึ้นก็ยังถูกจำกัด และบรรยากาศในตลาดยังคงเอนเอียงไปทางขาลง 

ถ้ามีการเบรกทะลุจริงจะหมายความว่าอย่างไร 

นี่คือปัจจัยที่เทรดเดอร์กำลังจับตา: 

  • การส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียเพิ่มขึ้น 
    มาตรการคว่ำบาตรอาจถูกผ่อนคลายหรือเปลี่ยนแปลง ทำให้น้ำมันของรัสเซียกลับเข้าสู่ตลาดโลกอีกครั้ง 
  • ราคาพลังงานในยุโรปกลับสู่ภาวะปกติ 
    การนำเข้าพลังงานของยุโรปอาจกลับมามีเสถียรภาพ ช่วยลดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ 
  • การปรับนโยบายของ OPEC+  
    รัสเซียเป็นผู้เล่นหลักในกลุ่ม OPEC+ ทุกการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายจะส่งผลต่อลยุทธ์ของกลุ่มนี้ 

ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันคือ แรงกดดันต่อราคาน้ำมัน หรืออย่างน้อยก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการไหลของอุปทานและกลยุทธ์การถือครอง 

ทำไมตลาดยังไม่ตอบสนอง 

ถ้าทุกอย่างดูมีผลกระทบขนาดนี้ ทำไมน้ำมันดิบถึงไม่กระโดดขึ้นหรือลงหลังการประชุมทรัมป์–ปูติน? 

คำตอบง่ายมาก: ตลาดต้องการมากกว่าการจับมือ พวกเขาต้องการการดำเนินนโยบายต่อ ไม่ใช่แค่การทูตจนจบ ตอนนี้การประชุมทรัมป์–ปูตินเป็นแค่ “สัญญาณ” ไม่ใช่ “การตัดสินใจ” 

แต่สัญญาณก็มีความสำคัญ 

จริงๆ แล้วเงินฉลาดมักจะวางโพสิชันล่วงหน้าก่อนที่เรื่องราวจะขึ้นหน้าหนึ่งข่าว นี่คือเหตุผลที่เทรดเดอร์ควรมองการประชุมนี้ว่าเป็น “จุดเริ่มต้น” ไม่ใช่เหตุการณ์หลัก แต่เป็นประกายไฟที่อาจจุดชนวนให้เกิดไฟจริงได้ 

แม้พาดหัวข่าวจะเน้นเรื่องการทูต แต่ข้อมูลการวางโพสิชันของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ตามเทรนด์กลับบอกเล่าเรื่องราวอีกแบบ 

ณ วันที่ 15 สิงหาคม ราคาน้ำมันดิบลดลงควบคู่กับการลดโพสิชันของ CTA (Commodity Trading Advisor) ซึ่งใช้เป็นตัวแทนของแนวโน้มการเคลื่อนไหวของผู้เล่นรายใหญ่ กองทุนเหล่านี้ที่มักจะเกาะเทรนด์แรงๆ ตอนนี้เริ่มลดความเสี่ยงของตัวเองลง พูดง่ายๆ คือ เงินฉลาดอาจกำลังอยู่ฝั่งขาลงก็เป็นได้ 

ตลาดอื่นก็กำลังจับตามองเช่นกัน 

อย่าลืมว่าน้ำมันไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างโดดเดี่ยว การเปลี่ยนแปลงในพลวัตด้านพลังงานอาจส่งผลต่อเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และแม้กระทั่ง คู่สกุลเงินอย่าง USD/RUB หรือ EUR/USD หุ้นพลังงานในสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อาจตอบสนองล่วงหน้าก่อนจะมีข้อตกลงสันติภาพจริงเสียอีก 

ถ้าความตึงเครียดผ่อนคลาย กลยุทธ์แบบป้องกันความเสี่ยงอาจถูกปลดล็อก และ สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอาจกลับมาโดดเด่น หรือเกิดการสลับกลุ่ม ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของน้ำมัน 

นั่นคือเหตุผลที่การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางการทูตเหล่านี้สามารถมอบความได้เปรียบให้กับเทรดเดอร์ ไม่ใช่แค่ในตลาดน้ำมัน แต่รวมถึงในภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกด้วย 

ประเด็นสำคัญจากการประชุมทรัมป์–ปูติน 

การประชุมระหว่างทรัมป์กับปูตินอาจดูเหมือนแค่การพบกันธรรมดา ไม่มีดอกไม้ไฟ ไม่มีข้อตกลงสำคัญ ไม่มีกราฟพุ่งแรงให้ตื่นตาตื่นใจ 

แต่ถ้าคุณสังเกตดีๆ นี่คือ โดมิโนตัวแรก ในแถวที่ยาวมาก 

ถ้าตอนนี้คุณกำลังดูตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อย่ามองแค่ทองคำ คริปโต หรือทองแดง 

น้ำมันคือตัวใหญ่ที่เงียบ และมันอาจจะไม่เงียบอีกต่อไปในเร็วๆ นี้ 

เงินฉลาดจะจับตาดูน้ำมัน คุณก็ควรเช่นกัน 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต D Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ D Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-08-21 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

หลังประชุม ทรัมป์–ปูติน จับตาสินค้าโภคภัณฑ์ตัวนี้

ข่าวพาดหัวมาแล้วก็ผ่านไป ตลาดไม่ไหวติง แต่คุณอย่าเพิ่งตายใจ ใต้ผิวน้ำอันสงบนั้น มีบางสิ่งสำคัญเพิ่งเกิดขึ้น: ทรัมป์กับปูตินนั่งคุยกันแบบตัวต่อตัวที่อลาสกา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา และเมื่อสองมหาอำนาจด้านภูมิรัฐศาสตร์เปิดปากพูดคุยกัน หลังความเงียบอันเย็นเยียบหลายปี ผลกระทบที่ตามมาอาจไม่ฉับไวเหมือนการขึ้นดอกเบี้ย แต่แรงกระเพื่อมจะรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อมันเริ่มเคลื่อนไหว  และเมื่อมันระเบิดขึ้นมา ก็จะไม่มีคำว่าเบาเลย  นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่มันอาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่จะพลิกโฉมตลาดพลังงาน พันธมิตรระหว่างประเทศ และแม้แต่การคาดการณ์เงินเฟ้อที่กำลังมุ่งหน้าสู่ปี 2026.  การประชุมที่ (เงียบๆ) แต่เขยื้อนตลาดได้  ต่างจากซัมมิตทั่วไปที่เต็มไปด้วยข่าวพาดหัวและวาทะเร้าอารมณ์ การพบกันของทรัมป์–ปูตินครั้งนี้กลับเรียบง่ายอย่างน่าประหลาด  ไม่มีข้อตกลงสันติภาพ ไม่มีการเจรจาทะลุทางตัน ไม่มีการจับมือบนเวทีใหญ่พร้อมแสงสีเสียงอลังการ  แต่นั่นแหละ คือเหตุผลที่มันสำคัญ  เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ดูเหมือนว่าวอชิงตันกับมอสโกจะกลับมาคุยกันอีกครั้งในเบื้องหลัง และในโลกของสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก การสื่อสารคือสินทรัพย์ โดยเฉพาะเมื่อความขัดแย้งในยูเครนยังไม่มีวี่แววจะยุติ  นักเทรดเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่า: หรือว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายความตึงเครียด?  ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์นี้ควรอยู่ในเรดาร์ของคุณ  อย่าอ้อมค้อมเลย: มันคือน้ำมัน  แม้จะไม่มีการเคลื่อนไหวด้านราคาทันที แต่นักเทรดรู้ดีว่าเมื่อใดที่มีสัญญาณแห่งสันติภาพ แม้เพียงแค่จุดเริ่มต้น ก็อาจทำให้เส้นทางการขนส่งที่ถูกปิดกลับมาเปิดได้ มาตรการคว่ำบาตรอาจผ่อนคลายลง และค่าความเสี่ยงที่ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย–ยูเครนอาจเริ่มคลี่คลาย ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมหน้าตลาดพลังงานทั้งหมด  ตำแหน่งถือครองแบบเก็งกำไรฝั่ง Long ในน้ำมันดิบ WTI ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 […]

article-thumbnail

2025-08-15 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ค่าเงินดอลลาร์จะยังคงร่วงต่อในปี 2025 หรือไม่? เจาะลึกแนวโน้มสำคัญ 

การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ทำให้หลายฝ่ายประหลาดใจ ดัชนีดอลลาร์ (DXY) บันทึกการร่วงลงในช่วงครึ่งปีแรกมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973 โดยดิ่งลงอย่างรุนแรงก่อนจะดีดตัวขึ้นในเดือนกรกฎาคม แม้การฟื้นตัวนั้นจะช่วยชดเชยบางส่วนที่สูญเสียไป แต่นักวิจัยจาก Morgan Stanley คาดว่าการอ่อนค่ายังไม่จบ และดอลลาร์อาจร่วงลงอีก 10% ภายในสิ้นปี 2026  แล้วอะไรคือเบื้องหลังการร่วงของดอลลาร์ในปี 2025? และมีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะกลับมาฟื้นตัว? มาค้นหาคำตอบกัน  สรุปภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ – ครึ่งปีแรกของปี 2025  ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2025 ดัชนี DXY ร่วงลงประมาณ 10.8% ซึ่งถือเป็นผลงานครึ่งปีแรกที่ย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่การร่วงลง 14.8% เมื่อต้นปี 1973  นักวิเคราะห์ชี้ถึง 2 แรงกดดันสำคัญ:  ทั้งสองปัจจัยนี้ส่งผลกดดันอย่างหนักต่อค่าเงินดอลลาร์  ทำไมดอลลาร์อ่อนค่าลงในปี 2025  1. ภาษีและความไม่แน่นอนด้านนโยบาย บั่นทอนแรงหนุนของดอลลาร์  ท่าทีของทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงไปในเรื่องภาษีและการปฏิรูปภาษี สร้างแรงกดดันระยะยาวต่อค่าเงินดอลลาร์ มาตรการกีดกันทางการค้าไม่เพียงแต่สร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์ทางการค้าทั่วโลก แต่ยังทำลายความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกสหรัฐฯ  ความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายยังสร้างความกังวลให้นักลงทุน ลดความต้องการสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเป็นดอลลาร์ และยิ่งตอกย้ำแนวโน้มขาลงของค่าเงิน  2. […]

article-thumbnail

2025-07-31 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–อียู มาแล้ว: แล้วจีนล่ะ จะตามมาหรือไม่? 

เมื่อทรัมป์และฟอน แดร์ ไลเอิน จับมือกันที่สกอตแลนด์ในวันที่ 27 กรกฎาคม มันไม่ใช่แค่ภาพที่สวยงามต่อหน้ากล้อง แต่มันคือจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่เป็นจริง  ข้อตกลงการค้าฉบับใหญ่ระหว่างอียูและสหรัฐฯ ถูกปิดดีล ภาษีถูกลดลง และตลาดก็หายใจได้ทั่วท้อง แต่ตอนนี้สปอร์ตไลต์กำลังหันไปที่จีนอย่างรวดเร็ว และทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่  พวกเขาจะเป็นรายต่อไปที่เข้าร่วมดีลหรือไม่… หรือสงครามการค้ากำลังจะยืดเยื้อต่อไป?  ประเด็นสำคัญจากข้อตกลงการค้าระหว่างอียู–สหรัฐฯ  เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2025 สหรัฐฯ และอียูได้ตกลงกันในข้อตกลงที่จะกำหนด ภาษี 15% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากอียูที่เข้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอัตราครึ่งหนึ่งจากที่เคยขู่กันไว้ และช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามต่อไป รายละเอียดสำคัญได้แก่:  ตลาดตอบรับอย่างดีที่สงครามการค้าถูกหลีกเลี่ยง ดัชนีฟิวเจอร์สของทั้งสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางส่วนเตือนว่าข้อตกลงนี้อาจเทน้ำหนักไปทางฝั่งสหรัฐฯ มากเกินไป  ทำไมข้อตกลงนี้จึงสำคัญต่อตลาด  สำหรับวอลล์สตรีท นี่ไม่ใช่แค่การจับมือธรรมดา แต่มันคือความโล่งใจ ตลาดให้ความสำคัญสูงสุดกับสิ่งหนึ่งคือ ความชัดเจน และนั่นคือสิ่งที่ข้อตกลงการค้าระหว่างอียู–สหรัฐฯ ฉบับนี้มอบให้  ดัชนีหุ้นหลายตัวกำลังเข้าใกล้จุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง และบรรยากาศ “รับความเสี่ยง” ก็กลับมาครองถนนอีกครั้ง แต่จุดที่ต้องระวังคือ แม้ภาษีใหม่จะดูเบากว่าการขู่ในอดีต แต่ก็ยังเพิ่มต้นทุนให้ผู้ส่งออกฝั่งยุโรป และอาจส่งผลถึงผู้บริโภคชาวอเมริกันด้วย  ผู้เล่นระดับโลกในอุตสาหกรรมรถยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ ตอนนี้ต้องเล่นตามกฎใหม่ […]